“ยามแรกรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน พอนาน ๆ แม้น้ำตาลยังว่าขม”
จากความรักที่เคยหวานชื่นกันทุกวัน กลับกลายเป็นความเคยชิน ที่ค่อย ๆ เผยตัวตนของตัวเองออกมา แบบไม่เกรงใจกันอีกต่อไป ตอนที่รักยังพร่ำบอกว่าอดทนได้ รับได้ และหวังให้อีกฝ่ายทำตามใจตัวเองมากขึ้น ความไม่เข้าใจจึงค่อย ๆ สะสม จนกลั่นตัวให้เป็นสาเหตุดังต่อไปนี้ ที่ทำให้คนรักกัน ต้องมาทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกันในที่สุด
1. ลักษณะนิสัยของเพศ
เวลาที่คนเราไม่เข้าใจกัน ผู้ชายกับผู้หญิงจะมีความคิดที่แตกต่างไม่เหมือนกัน เพราะแต่ละเพศก็มีเหตุผลของตัวเอง ตัวอย่างเช่น ฝ่ายชายมองว่าผู้หญิงเป็นเพศที่ชอบคิดมาก เอาแต่ใจ จุกจิกขี้บ่น ชอบชวนทะเลาะ ถามเซ้าซี้น่ารำคาญ จึงแก้ปัญหาด้วยการเงียบหรือพูดให้น้อยลง ซึ่งทำให้ฝ่ายหญิงคิดไปว่า ผู้ชายเป็นเพศที่ชอบหนีปัญหา มีอะไรก็ไม่ยอมเคลียร์ให้จบ แต่ไม่รู้ว่าการไม่พูดต่อนั้น จะช่วยแก้ปัญหาให้สถานการณ์ดีขึ้นได้อย่างไร
2. ทัศนคติความคิด
ต้องยอมรับว่าเมื่อเกิดปัญหาในแต่ละครั้ง ผู้ชายกับผู้หญิงจะมีทัศนคติความคิดที่แตกต่างกัน เพราะผู้ชายมักจะมุ่งมั่นอยู่ที่ปัญหาตรงหน้า แล้วพยายามใช้เหตุผลแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเท่านั้น ในขณะที่ผู้หญิงจะมองกลับไปถึงปัญหาเก่า ๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ขุดคุ้ยเรื่องเดิมขึ้นมาจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแค่เพราะต่างคนต่างโฟกัสปัญหาคนละจุดกันแค่นั้นเอง
3. บุคคลที่สาม
บางครั้งสาเหตุที่ทำให้คู่รักไม่เข้าใจกัน ก็ไม่ได้เกิดจากคนสองคนเท่านั้น แต่กลายเป็นครอบครัว เพื่อนฝูงรวมถึงผู้คนรอบข้าง ที่อาจจะให้ความคิดเห็นจนไม่ลงรอยกันในที่สุด โดยเฉพาะคู่รักที่อยู่บ้านเดียวกับครอบครัวของอีกฝ่าย อย่างเช่นปัญหาแม่ผัวกับลูกสะใภ้หรือพ่อตากับลูกเขย เป็นต้น
4. ปูมหลังการเลี้ยงดู
แน่นอนว่าทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ย่อมได้รับการเลี้ยงดูหรือเติบโตมาไม่เหมือนกัน ซึ่งส่งผลให้ทัศนคติ บุคลิก และลักษณะนิสัยแตกต่างกันไปด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนชอบและไม่ชอบนิสัยเรา เมื่อไม่ชอบและปรับจูนเข้าหากันไม่ได้ ก็จะลงเอยด้วยความไม่เข้าใจกัน
จริงอยู่ว่าความรักก็เหมือนลิ้นกับฟัน ที่ย่อมมีการกระทบกระทั่งไม่เข้าใจกันบ้าง เพราะฉะนั้นถ้าเรายังรักกันดี ก็มีวิธีแก้ไขคือ การปรับตัวและยอมโอนอ่อนให้กันและกัน ค่อย ๆ ช่วยกันแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าให้ดี ไม่หยิบเรื่องเก่า ๆ ในอดีตขึ้นมาให้เป็นปัญหาซ้ำอีก จนกลายเป็นรอยร้าวในชีวิตคู่ เพราะชีวิตคู่ไม่ใช่การเอาชนะหรือยอมกันตลอดไป แต่มันคือความเข้าใจที่จะช่วยให้ความสัมพันธ์ยืนยาวมากขึ้น