วันเสาร์, 2 พฤศจิกายน 2567

เกร็ดความรู้สุขภาพพร้อมข้อคิด : 6 Tip ดูแลตัวเองและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง Ep.37

ระดับความดันโลหิตในร่างกายของคนเรา มีความต่างกัน ซึ่งรวมไปถึงกรุ๊ปเลือดด้วย ดังนั้นการเลือกกินผักผลไม้และอาหารแทบทุกชนิดจึงไม่เหมือนกัน

กรุ๊ปเลือดและความดันโลหิตที่ต่างกัน ทำให้ต้องเลือกผักผลไม้ที่ต่างชนิด รวมถึงปริมาณก็ย่อมไม่เท่ากัน และกรุ๊ปเลือดที่ต่างกัน มีผลต่อการเลือกประเภทและปริมาณของผักผลไม้ ดังนี้

กรุ๊ป A : กินผักหลากสีและผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานปริมาณมาก ๆ
กรุ๊ป B : กินผักสดปริมาณน้อย แต่กินให้หลากชนิด กินผลไม้ได้ทุกประเภท
กรุ๊ป O : ควรกินผักหลากสีปริมาณมาก ๆ และผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน
กรุ๊ป AB : ควรกินผักหลากสีปริมาณมาก ๆ กินผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานแต่ปริมาณน้อย

จากข้อความข้างต้นเป็น Tip เกี่ยวกับกรุ๊ปเลือด และยังมีความเกี่ยวเนื่องมาถึงปัญหาการกินและการใช้ชีวิตของผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ที่ต้องเลือกและต้องดูแลกันเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นวิธีการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6 Tip เพื่อให้ผู้ป่วยมีสุขภาพที่แข็งแรงไปนาน ๆ

1.ปรึกษาผู้ชำนาญการด้านโภชนาการศาสตร์ทันที หากผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมีปัญหาโรคหัวใจร่วมด้วย

ถ้าความดันโลหิตเกิน 150 ต้องไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อแพทย์จะได้ให้ยาลดความดัน ช่วยคุณควบคุมความดันโลหิตไว้ชั่วคราว

ขณะเดียวกัน ต้องรีบหาผู้ชำนาญด้านการโภชนาศาสตร์ทันทีด้วยเช่นกัน เพื่อขอคำแนะนำในการปรับเปลี่ยนนิสัยการดื่มกิน เช่น น้ำผักผลไม้ธรรมชาติ เพื่อมาปรับสมดุลของร่างกาย ปรับความดันโลหิต จึงจัดเป็นวิธีรักษาสุขภาพที่ถูกต้อง

แนะนำ : เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพ เกี่ยวกับปัญหาเหงือกร่นจนฟันสึกเป็นร่อง Ep.22
แนะนำ : เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพ เกี่ยวกับอาการของแผลร้อนใน Ep.23
แนะนำ : เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพ เกี่ยวกับผลเสียของการนอนดึก Ep.24

2.กินอาหารอินทรีย์ตามวิถีธรรมชาติบำบัด ดื่มน้ำผักผลไม้บำรุงสุขภาพและหัวใจ

การใช้ยาควบคุมความดัน ระยะยาวไม่ใช่การแก้ปัญหาความดันโลหิตสูง ตลอดจนความสมดุลในร่างกายอย่างแท้จริง

การใช้ยาลดความดัน ระยะยาวจะนำมาซึ่งปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นต่อผู้ป่วย จนอาจเกิดภาวะวิกฤต เช่น สมรรถภาพของตับและไตผิดปกติเสมอ สภาพทางเพศเสื่อมถอย ต้องล้างไต ปวดหน้าอก โรคหัวใจกำเริบ หรือโรคลมปัจจุบัน เป็นต้น

ซึ่งล้วนมีอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นการกินอาหารอินทรีย์ตามวิถีธรรมชาติบำบัด ดื่มน้ำผักผลไม้บำรุงสุขภาพ และน้ำผักผลไม้บำรุงหัวใจและหลอดเลือดอย่างถูกต้องจะทำให้ให้ความดันโลหิตของผู้ป่วยสมดุลได้

3.กินสารเสริมอาหารธรรมชาติ เลี่ยงอาหาร มัน ปิ้ง ย่าง ทอด ผัด อาหารรสเค็มและออกกำลังกาย

งดอาหารประเภท ปิ้ง ย่าง ทอด ผัด โดยเด็ดขาด พยายามไม่กิน ถั่วลิสง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และถั่วพิสตาชิโอ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ควรกินผักผลไม้ให้หลากหลาย โดยเฉพาะ ขึ้นฉ่าย ฝรั่ง บวบ แตงร้าน มะระ ลูกเดือย เห็ดหูหนูดำ เห็ดหูหนูขาว เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ บักวีต ผลกีวีสีเขียว กล้วยหอม แครอท แตงโม ผักชี กระเทียม เป็นต้น

นอกจากนี้ ควรกินสารเสริมอาหารธรรมชาติ ที่เป็นประโยชน์ต่อหลอดเลือด เพื่อปรับสภาพร่างกาย และออกกำลังกายกลางแดด เช่น เดินเร็ววันละ 30 นาที ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้ว และพยายามให้ถ่ายอุจจาระวันละ 3-4 ครั้งอย่างต่อเนื่อง จึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความดันโลหิตอย่างแท้จริง

4.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่การกิน การใช้ชีวิตที่จะส่งผลให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ป่วยโดยเร็ว เช่น บริโภคอาหารจำพวกแป้ง ไขมัน ให้ลดน้อยลง ลดบริโภคอาหารที่มีรสจัด (เค็มจัด หวานจัด) ลดหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และหันมาบริโภคผักผลไม้ที่มีกากใยมากยิ่งขึ้น

รับประทานอาหารพวกชีวจิต และก็เพิ่มการออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยได้เป็นอย่างมาก ซึ่งที่กล่าวมายังไม่หมด เพราะยังมีหลาย ๆ ปัจจัยที่ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงได้อีก

หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของเราได้ ชีวิตเราจะดีขึ้น เพราะถ้าเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้ว โรคต่าง ๆ มักจะตามมาอีกหลายโรค ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะดูคุ้มค่าต่อชีวิตและสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนมากที่สุด

5.เรียนรู้เรื่อง “สารลดความดันโลหิต” เพื่อจะได้หามารับประทานและนำไปใช้ให้ถูกต้อง

โพแทสเซียม : จะทำให้ความดันลดลง เนื่องจากเมื่อร่างกายมีโพแทสเซียมสูงเกินไป จะถูกขับออกมาพร้อมปัสสาวะ จึงทำให้ของเหลวในเลือดและปริมาณเลือดลดลง และอีกทั้งโพแทสเซียมยังทำให้หลอดเลือดขยายตัวอีกด้วย จึงส่งผลให้ความดันลดลง

เลือกรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง ได้แก่ อโวคาโด กล้วย มันฝรั่ง ผักใบเขียว ถั่วฝักยาว น้ำผลไม้สด ปลาชนิดต่าง ๆ

ไคนิน : เป็นสารที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว โดยไคนินนั้นถูกย่อยสลายมาจากไคนิโนเจน ซึ่งในกระบวนการนี้ จะช่วยให้เกิดการขับโซเดียมส่วนเกินของร่างกายออกอีกด้วย จึงทำให้ความดันลดลงได้

โพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) : สารชนิดนี้มีผลทำให้หลอดเลือดขยายตัว กระตุ้นให้เกิดการขับถ่ายปัสสาวะและขับของเสียออกจากร่างกายมากขึ้น

เอเทรียลเนทริยูเรติกเพบไทด์ (Atiral Natriuretic Peptide) : สารนี้จะถูกหลั่งออกมาโดยหัวใจห้องบน ซึ่งมีผลทำให้เกิดการขับโซเดียมออกทางปัสสาวะเพิ่มขึ้น และทำให้หลอดเลือดขยายตัวขึ้น

แนะนำ : เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพ เกี่ยวกับอาการปวดตามข้อ Ep.25
แนะนำ : เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพ เกี่ยวกับอาการคันที่จุดซ่อนเร้น Ep.26
แนะนำ : เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพ เกี่ยวกับการกดจุดรักษาอาการปวดหัว Ep.27

6.อาหารเสริมโกรทฮอร์โมน ช่วยฟื้นฟูเซลล์เสื่อมในโรคความดันโลหิตสูงได้

ในอาหารเสริมจีเอชทรี ยังรวมกรดอะมิโนและวิตามินต่างๆ เช่น แอลกลูตามีน แอลไลซีน แอลไกลซีน แอลออร์นิทีน แอลคาร์นิทีน แอลอาร์จินีน เวย์โปรตีน เป็นต้น

ซึ่งกรดอะมิโนเหล่านี้ มีหน้าที่สำคัญในการบำรุงต่อมใต้สมอง ให้หลั่งโกรทฮอร์โมนได้ดีขึ้น ซึ่งโกรทฮอร์โมนนี้ นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า เป็นฮอร์โมนมหัศจรรย์ ที่ช่วยย้อนวัยร่างกายให้กลับเป็นหนุ่มสาว ฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ จากความเสื่อม ที่สะสมมาหลายปี ให้กลับไปแข็งแรงเหมือนเมื่อยังเยาว์วัย

อาหารเสริมบำรุงการหลั่งโกรทฮอร์โมน จะช่วยฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมให้กลับมาแข็งแรง ทำให้กระบวนการทำงาน และรักษาสมดุลสุขภาพของร่างกายดีขึ้น และเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ซึ่งเป็นการช่วยฟื้นฟู ตั้งแต่ต้นตอของการเกิดโรคและอาการต่าง ๆ

ดังนั้น ในผู้ที่สะสมความเสื่อมของเซลล์ยิ่งมากเท่าไร การทานอาหารเสริมโกรทฮอร์โมน ก็จะยิ่งเห็นผลชัดเท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อแนะนำ :

หากรู้สึกมีอาการใด ๆ ไม่ปกติกับร่างกาย ห้ามเพิกเฉยอย่างเด็ดขาด อย่างแรกก็คือ ถ้าหากเราเพิกเฉย และเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีภาวะเสริมเรื่อง “ความเครียด” และ “การอดนอน” มาเป็นตัวสนับสนุน ก็จะทำให้ความดันยิ่งเพิ่มสูงขึ้น จนเป็นอันตรายได้ในชั่วข้ามคืน

หรือแม้กระทั้งการเดินตากแดดในอากาศที่ร้อนจัด ก็เป็นตัวเสริมให้ความดันเพิ่มขึ้นสูงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้าหากความดันคุณขึ้นไปเกินกว่า 180 แล้ว อาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้

เช่น คุณอาจจะพบว่าอยู่ดี ๆ แขน และ ขา อ่อนแรง , ตัวชาไปครึ่งซีก , เดินเซจนไม่สามารถพยุงตัวเองให้ยืนอยู่ได้ , หรือในบางรายอาจถึงขั้นปากเบี้ยว เมื่อเส้นเลือดในสมองแตก

ถ้าโชคดี นอนในโรงพยาบาลรักษาตัว พักฟื้นซักระยะ แล้วทำกายภาพบำบัด ก็สามารถกลับมาเป็นปรกติได้ แต่ถ้าโชคร้าย เมื่อนำส่งโรงพยาบาล คุณหมอวินิจฉัยว่าให้เวลาญาติตัดสินใจใน 3 ชม. เพื่อการผ่าตัดสมอง เพราะมีเลือดคั้งอยู่ภายใน หลังจากที่ผ่านการผ่าตัดสมองแล้ว คุณก็ต้องมาหัดเดินกันใหม่เลย

จากการศึกษาข้อมูลของผม พบว่าเคยมีคนที่อายุ 30 กว่า ๆ ที่เส้นเลือดในสมองแตกจนปากเบี้ยวมาแล้ว  ( ดังนั้นภาวะนี้ไม่ได้เกิดกับเฉพาะคนแก่อย่างเดียวแน่นอน )

ที่มาและการอ้างอิง

100 คำถามเจาะลึกเพื่อสุขภาพ โดย Dr.Tom Wu

https://pantip.com/topic/33508851

https://pantip.com/topic/31170996

http://www.growthhormoneplus.com/ความดันสูง/

แนะนำ : เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพ เกี่ยวกับสมุนไพรแก้อาการแน่นท้อง ท้องอืด Ep.28
แนะนำ : เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพ เกี่ยวกับสมุนไพรแก้อาการท้องผูก Ep.29
แนะนำ : เกร็ดความรู้สั้น ๆ พร้อมข้อคิด อยากสวยด้วยแพทย์ หาก ไม่เข้าใจอย่าเพิ่งทำ Ep.30

เรื่องที่เกี่ยวข้อง