วันเสาร์, 27 กรกฎาคม 2567

4 วิธี ทำความเข้าใจให้ถูกต้องเรื่องผิวหน้า Ep.58

อาจมีความเข้าใจผิดหรือคลาดเคลื่อนไปบ้างในการดูแลรักษาผิวหน้า ทั้งการนวดหน้าสม่ำเสมอแล้วคิดว่าจะลดริ้วรอยต่าง ๆ ได้ หรือแม้แต่การใช้เครื่องสำอางราคาแสนแพงแล้วจะทำให้ใบหน้าใสไร้สิวได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็อาจะได้ผลดีเลิศ และไม่ได้ผลเลยก็ได้ ซึ่ง ณ ที่นี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับผิวหน้าของแต่ละคนด้วย ว่าจะเข้ากันได้ดีกับสรรพคุณของเหล่าบรรดาเครื่องสำอางนี้หรือไม่ ดังนั้น ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่เราต้องคำนึงถึงในการดูแลใบผิวหน้าของเรา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ความงาม

 

 

1.การนวดหน้าเป็นประจำ จะช่วยลดวัยได้จริงหรือ

มีคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจว่า การนวดหน้าเป็นประจำจะช่วยยกกระชับผิวหน้าให้เต่งตึงไร้ริ้วรอย และแลดูอ่อนกว่าวัยได้ หนำซ้ำสถาบันเสริมความงามจำนวนมาก ต่างหยิบยกเอาวิธีการนวดใบหน้าเพื่อความอ่อนเยาว์ มาเป็นจุดขายของตน ในขณะที่บางตำรากับพูดถึงผลลัพธ์ที่ได้จากการนวดหน้าในสิ่งที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ในตำราความสวยงามบางเล่มระบุไว้ว่า การนวดหน้าไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยลบเลือนริ้วรอย หรือทำให้ใบหน้าเต่งตึงอย่างที่เข้าใจกันเท่านั้น แต่การกระตุ้นใบหน้าที่บ่อยครั้งจนเกินไป อย่างการนวดหน้านั้น กลับช่วยเร่งให้กล้ามเนื้อใบหน้าหย่อนคล้อยจนเกิดเป็นริ้วรอยเหี่ยยวย่นก่อนวัยอันควรเสียด้วยซ้ำ  จึงทำให้คนจำนวนไม่น้อยสับสนว่า แท้จริงแล้วการนวดหน้าจะช่วยรักษาความอ่อนเยาว์หรือเป็นผลร้ายต่อความงามกันแน่

แท้จริงแล้ว การนวดหน้าไม่อาจรักษาริ้วรอย กระชับผิวให้เต่งตึง หรือทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนวัยเลยแม้แต่น้อย ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือได้ชิ้นใดออกมาสนับสนุนความคิดที่ว่า การนวดหน้าสามารถลดวัยและกระชับใบหน้าให้เต่งตึงได้จริง สิ่งที่การนวดหน้าสามารถทำได้คือการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ใบหน้าแลดูมีเลือดฝาด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ในบางรายอาจรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองดูดีขึ้น แต่นั่นจะเป็นเพียงชั่วคราวและไม่อาจลบเลือนริ้วรอยให้หายไปได้แต่อย่างได เมื่อเวลาผ่านไปใบหน้าก็จะกลับมามีสภาพเดิมเช่นเคย ในขณะเดียวกันบางตำราบางเล่มได้ระบุไว้ว่า การนวดหน้าอาจก่อให้เกิดโทษมากกว่าผลดีเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากในชีวิตประจําวันใบหน้าของเราต้องรับหน้าที่ในการแสดงอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นการ ยิ้ม ขมวดคิ้ว หัวเราะ ยิงฟัน และอื่นๆ อีกมากมาย หากยิ่งไปกระตุ้นเพิ่มอีก ก็จะยิ่งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าและพัฒนาไปสู่การหย่อนคล้อยได้ในที่สุด

 

2.ครีมบำรุงผิวที่ทำจาก สารสกัดจากธรรมชาติจะดีต่อผิวมากกว่า

ไม่จริงเสมอไป ในปัจจุบันกระแสของการรักษาสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติกำลังเป็นที่นิยม ผู้ผลิตสินค้าจึงพยายามหาจุดขายของตัวเองด้วยการนำสินค้าไปเกี่ยวข้องกับธรรมชาติเพื่อหวังผลทางยอดขาย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่มยารักษาโรค หรือแม้แต่เครื่องสำอาง เพื่อตอบรับกระแสความคลั่งไคล้ภายในธรรมชาติของผู้บริโภค ผู้ผลิตเครื่องสำอางจำนวนมากต่างพยายามนำส่วนผสมที่สกัดจากธรรมชาติเข้าไปใส่ไว้ในเครื่องสำอางเพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติ ในขณะที่ส่วนผสมอื่นๆ ก็ยังเป็นสารสังเคราะห์ หรือสารที่เป็นอันตรายแอบแฝงอยู่เช่นเดิม ดังนั้นเราจึงไม่สามารถบอกได้ว่าเครื่องสำอางนั้นๆ เป็นเครื่องสำอางที่มาจากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเครื่องสำอางที่ทำมาจากธรรมชาติ 100 เปอร์เซนต์ ก็ไม่ได้หมายความว่าเครื่องสำอางดังกล่าวจะใช้ได้ผลดีกว่าเครื่องสำอางที่ได้จากการสังเคราะห์เสมอไป สารสกัดจากธรรมชาติบางตัวไม่มีคุณภาพและใช้ไม่ได้ผล ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ไม่สำคัญว่าเครื่องสำอางนั้นจะทำมาจากสารสังเคราะห์ หรือสารสกัดจากธรรมชาติ เครื่องสำอางที่ดีจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดและปลอดภัยต่อผู้ใช้มากที่สุด หลักสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องสำอาง คือ หากใช้แล้วรู้สึกดีหรือเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนแน่นอน เครื่องสำอางนั้นก็เหมาะสมกับคุณ

 

3.ครีมบำรุงผิวราคาแพงย่อมใช้ได้ผลดีกว่าครีมราคาถูก

เพื่อที่จะมีสภาพผิวที่ดีขึ้น มีคนจำนวนไม่น้อยยอมเสียเงินเป็นจำนวนมากในแต่ละเดือนเพื่อซื้อเครื่องสำอางราคาแพงมาประทินผิว พวกเขาคิดว่าเครื่องสำอางราคาแพงจะมีประสิทธิภาพในการรักษาผิวที่ดี และสามารถรักษาปัญหาผิวที่ตนเป็นกันอยู่อย่างได้ผล จนทำให้ใครหลายคนต่างเรียกร้องที่จะซื้อเครื่องสำอางที่มีราคาแพงที่สุดในร้านอย่างไร้เหตุผล มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่แม้ว่าจะใช้เครื่องสำอางที่มีราคาไม่แพงมากแต่กลับได้ผลดี ในขณะที่ผู้ใช้เครื่องสำอางราคาแพงอย่างน่าตกใจบางคนกลับไม่เห็นประสิทธิภาพของเครื่องสำอางนั้นอย่างชัดเจน ส่งผลให้คนจำนวนมากต่างสงสัยว่าแท้จริงแล้วเครื่องสำอางราคาแพงที่พวกเขาใช้อยู่นั้นให้ผลดีต่อพวกเขาอย่างที่โฆษณาหรือไม่

จริงบางส่วน เพราะเครื่องสําอางที่ดีย่อมใช้ส่วนผสมที่ดี ซึ่งนั่นทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงไปด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็มีเครื่องสำอางบางยี่ห้อที่มีราคาแพงมากจนน่าตกใจ นั่นอาจเป็นเพราะต้นทุนในการผลิตส่วนหนึ่งต้องทุ่มให้กับค่าโฆษณาจนทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงกว่ายี่ห้ออื่นๆ ในขณะที่ประสิทธิภาพของเครื่องสำอางกลับไม่ได้แตกต่างหรือดีกว่ายี่ห้ออื่นที่มีราคาใกล้เคียงกันเลย

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ไม่สำคัญว่าคุณจะใช้ผลิตภัณฑ์ราคาถูก หรือแพงแต่สำคัญอยู่ที่วิธีใช้มากกว่าหากใช้ถูกต้องตามวิธีก็จะได้ประโยชน์ในทางกลับกัน แม้ว่าจะใช้เครื่องสำอางที่มีราคาแพงที่สุดในท้องตลาดแต่ถ้าใช้ผิดวิธี แทนที่จะได้รับประโยชน์จากเครื่องสำอางนั้นอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย อาจเป็นการสูญเสียเงินโดยใช่เหตุและอาจได้ผลเสียแถมมาอย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย การที่เครื่องสำอางชนิดหนึ่งๆ จะใช้ได้ผลดีหรือไม่นั้น มีปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่ตัวของเครื่องสําอางเอง ที่ต้องทำมาจากส่วนผสมที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพในการรักษาผิวที่ดีเยี่ยม และวิธีการใช้เครื่องสำอางที่ถูกต้องแล้ว ลักษณะของผิวพรรณของตัวผู้ใช้ก็มีความสำคัญด้วย เนื่องจากลักษณะของผิวพรรณและปัญหาผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผู้ใช้คนหนึ่งอาจรู้สึกได้ผลดีเมื่อใช้เครื่องสำอางชนิดหนึ่ง ในขณะที่ผู้ใช้คนอื่นอาจไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเลยก็ได้

 

4.ครีมหน้าขาวใช้ได้ผลจริง หรือแค่โฆษณาชวนเชื่อ

ด้วยค่านิยมของคนในสังคมที่ชื่นชอบการมีผิวขาวใสอมชมพู ทำให้บริษัทเครื่องสำอางต่างคิดค้นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีฤทธิ์ในการปรับสีผิวให้ขาวขึ้นหรือที่รู้จักกันในชื่อว่าครีมหน้าขาวออกมาเอาใจผู้บริโภคกันอย่างมากมาย ครีมหน้าขาวแต่ละยี่ห้อจะมีส่วนผสมที่แตกต่างกันและมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกันด้วย บ้างก็ใช้ได้ผลดี บ้างก็ใช้ไม่ได้ผล อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของครีมหน้าขาวจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับส่วนประกอบที่อยู่ในครีมนั้นๆ ครีมหน้าขาวที่มีประสิทธิภาพจะประกอบไปด้วยสารออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพ และมีความเข้มข้นที่มากที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยทั่วไปแล้วครีมหน้าขาวที่มีราคาแพงจะมีสารออกฤทธิ์ที่ทำให้ผิวขาวขึ้นในปริมาณที่เข้มข้นมากพอ จะมีประสิทธิภาพในการปรับสีผิวมากกว่า ในขณะที่ครีมราคาถูกอาจมีสารออกฤทธิ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือไม่มีความเข้มข้นมากพอจนทำให้บางยี่ห้อใช้ไม่ได้ผล

ครีมหน้าขาวหรือครีมไวท์เทนนิ่งส่วนใหญ่มีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ที่ทำหน้าที่ในการยับยั้งการสร้างเม็ดสีโดยจะเริ่มทำงานตั้งแต่การยับยั้งการทำงานของเอนไซม์สร้างเม็ดสี ทำลายเอนไซม์สร้างเม็ดสี และยับยั้งการกระจายตัวของเม็ดสีไม่ให้กระจายตัวไปตามเซลล์ผิว นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำให้หลุดลอกออกไปอย่างรวดเร็ว

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า การใช้ครีมหน้าขาวที่ดีและปลอดภัย ครีมต้องมีประสิทธิภาพในการปรับสีผิวให้ขาวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และต้องไม่เปลี่ยนสีผิวจากหน้ามือเป็นหลังมือ หรือเปลี่ยนเป็นคนละโทนสี หลีกเลี่ยงการใช้ครีมหน้าขาวที่ทำให้ผิวขาวขึ้นอย่างรวดเร็วจนผิดธรรมชาติเพราะครีมดังกล่าวอาจมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายซึ่งได้แก่ สารไฮโดรควิโนน หรือสเตียรอยด์ นอกจากนี้ในขณะที่ครีมหน้าขาวหลายชนิดใช้ได้ผลดี ยังมีครีมบางยี่ห้อหลอกลวงผู้บริโภคด้วยการเติมสารบางชนิดที่มีฤทธิ์ในการเคลือบผิวภายนอกเอาไว้ เช่น สารไทเทเนียมออกไซด์ แต่ไม่ได้ออกฤทธิ์ในการปรับสีผิวให้ขาวขึ้นแต่อย่างใด ผิวแลดูขาวขึ้นเมื่ออยู่กลางแดดแต่จะกลับมาคล้ำเหมือนเดิมเมื่ออาบน้ำหรือล้างออก

อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะมีผิวที่ขาวใสขึ้น นอกจากการเลือกใช้ครีมหน้าขาวที่มีส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพและมีความเข้มข้นมากพอแล้ว ควรเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำรงชีวิตบางอย่างควบคู่ไปด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม เช่น การหลีกเลี่ยงแสงแดดซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการหมองคล้ำและหยาบกร้านของผิว ดื่มน้ำสะอาดให้มาก กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ในสัดส่วนที่เหมาะสม ผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น

 

Tip : ว่านหางจระเข้ เป็นทั้งสมุนไพรเพื่อสุขภาพ และความงาม                                           

ว่านหางจระเข้เป็นพืชอวบน้ำ มีลำต้นสั้นมากจนแทบจะไปมีลำต้นที่เห็นเป็นหนามแหลมคือส่วนที่เป็นใบ ต้นโตเต็มที่สามารถสูงได้มากกว่า 1 เมตร ว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความสวยงาม ช่วยบำรุงและบำรุงผิวพรรณได้ดี นิยมนำมาทำเป็นโลชั่นบำรุงผิว เพราะมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่มาก อีกทั้งยังนำมาทำเป็นแชมพูสระผมเพื่อบำรุงผมให้มีสุขภาพแข็งแรงและเงางาม เพราะมักจะนำว่านหางจระเข้มาใช้ในเรื่องนี้กันมาก ซึ่งทำให้เข้าใจว่าว่านหางจระเข้มีดีเพียงเรื่องบำรุงผมและผิวพรรณเท่านั้น

ซึ่งอันที่จริงแล้วว่านหางจระเข้มีดีในตัวเองสูง วุ้นที่ได้จากใบว่านหางจระเข้สามารถนำมากินเพื่อสมานแผลในกระเพาะอาหาร บำรุงร่างกาย ดับพิษร้อนจากไข้หวัด และช่วยรักษาอาการร้อนใน หรือจะใช้ในเรื่องการสมานแผลภายนอกก็ได้ วุ้นใสๆ ที่อยู่ภายในใบว่านหางจระเข้ ใช้รักษาแผลที่เกิดจากถูกความร้อน ทั้งน้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ หรือเพราะถูกแสงแดดเผา

 

วิธีเข้าตัวยา

  1. รักษาแผลไฟไหม้ แผลน้ำร้อนลวก ล้างมือและมีดให้สะอาดด้วยแอลกอฮอล์ แล้วใช้มีดฝานเอาเปลือกว่านหางจระเข้ออกจนเห็นวุ้ยใสๆ ภายใน หั่นเป็นแว่นบางๆ แล้วขยำวุ้นให้กลายเป็นเจลเหลว ใช้เจลที่ได้ทาบริเวณที่ถูกความร้อนให้ชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน ช่วยสมานแผล และลดความบอบช้ำของผิวหนังบริเวณรอบๆ
  2. รักษาแผลทั่วไป ฝานวุ้นว่านหางจระเข้เป็นแผ่นบางๆ นำมาปิดทับลงบนแผลแล้วใช้ผ้าพันแผลพันทับเอาไว้ หมั่นเปลี่ยนแผ่นเจลทุก 3-4 ชั่วโมง ช่วยให้แผลสมานตัวได้เร็ว ลดการอักเสบ ช่วยลดการเกิดแผลเป็น
  3. บำรุงผมและหนังศีรษะ ล้างใบว่านหางจระเข้ ใช้มีดฝานเอาเปลือกออกจนเห็นวุ้นใสๆ ภายใน ล้างจนหมดยาง ขยำวุ้นว่านหางจระเข้จนกลายเป็นเจลใส ใช้ชโลมให้ทั่วเส้นผมและหนังศีรษะ ทิ้งไว้จนแห้งแล้วจึงล้างออก จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมแข็งแรงเป็นเงางาม ลดการขาดและหลุดร่วง
  4. รักษาอาการท้องลายหลังคลอด ล้างใบว่านหางจระเข้ใ ช้มีดฝานเอาเปลือกออกจนเห็นวุ้นใสๆ ภายใน ล้างจนหมดยาง ขยำวุ้นว่านหางจระเข้จนกลายเป็นเจลใส ใช้ทาบริเวณหน้าท้องตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนกระทั้งหลังคลอดไปแล้ว ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนัง ช่วยให้ผิวหนังมีสุขภาพดี ลดรอยคล้ำ ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ

 

สรรพคุณเด่นของว่านหางจระเข้

ทุกส่วนของว่านหางจระเข้ต่างก็มีดีในเรื่องสมุนไพรแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นใบที่มีดีในเรื่องการสมานแผล ใบว่านหางจระเข้ฝานเอาเปลือกสีเขียวออกจนเห็นวุ้นใสๆ ภายใน ล้างน้ำให้สะอาด แล้วฝานเป็นแว่นบางๆ วางทับบนแผล จะช่วยให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น และเหลือแผลเป็นน้อยมาก ใช้รักษารอยคล้ำที่ข้อศอกและหัวเข่าได้ดี โดยการเอาวุ้นจากใบว่านหางจระเข้มาทาเป็นประจำเช้า-เย็น วุ้นใสๆ ที่อยู่ภายในใบว่านหางจระเข้จะมีสารอโลอิน และสารอโลซิน ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในกลุ่มของไกลโคโปรตีน ส่วนยางใสๆ ที่อยู่ในใบว่านหางจระเข้จะมีสารแอนทราควิโนน ซึ่งช่วยให้ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณในเรื่องของการสมานแผล และผลจากการศึกษาและวิจัยว่าสารต่างๆ ที่อยู่ในบ้านใบว่านหางจระเข้นั้นมีความสามารถในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียได้ดี ทำให้นอกจากจะช่วยสมานแผลแล้ว ยังช่วยลดการอักเสบของบาดแผลได้ดีอีกด้วย

 

ที่มาและการอ้างอิง

ศาสตร์แห่งการประทินผิว โดย พิมลพรรณ อนันต์กิจไพศาล

108 สมุนไพรไทย ใช้เป็น หายป่วย โดย พิมลพรรณ อนันต์กิจไพศาล