วันเสาร์, 27 กรกฎาคม 2567

เรื่องเล่า จุดจบของความโลภและความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด

 

เวรกรรมมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และบางครั้งมันยากที่จะอธิบาย หากจะพูดว่ามันเป็นเรื่องของพลังทางจิตก็คงจะพูดได้ แต่คงไม่เต็มปากนัก เพราะที่จริงเรื่องของกรรมมันก็บอกอยู่แล้วว่ามันเป็นการกระทำ และผลของการกระทำนั้นนั่นแหละที่ย้อนกลับมาให้ผลต่อตัวผู้กระทำอย่างสาแก่ใจ

 

เต็มเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ความสูงจากเท้าถึงศีรษะก็ 180 ถ้วนไม่มากไม่น้อย แต่ที่ทำให้เขาโดดเด่นกว่าชายหนุ่มคนไหนนั่นก็คือ ดวงตาคมหวานมีแววระริกระรี้เจ้าชู้อยู่เสมอ จมูกโด่งได้รูป และริมฝีปากหยักสวย ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรนี้ ใครเลยจะเชื่อว่าภายในหัวใจของเขามันเน่าหนอน ฟอนเฟะได้อย่างคาดไม่ถึง

 

เขาไม่ได้ร่ำรวย นอกจากนั้นเขายังยากจนมากถึงมากที่สุด ทว่าสิ่งเดียวที่ดึงเขาไว้ไม่ให้ตกต่ำไปในวงจรของยาเสพติด นั่นก็คือความทะเยอทะยานอยากของตัวเขาเอง ซึ่งที่จริงแล้วคนที่มีความทะเยอทะยานนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี แต่คนที่ทะเยอทะยานมากเกินไป บางครั้งมันก็นำมาซึ่งผลเสียโดยเฉพาะพวกที่ทะเยอทะยานจนเข้าข่ายเป็นพวกเห็นแก่ตัว

 

และความที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนหน้าตาดี นั่นทำให้เต็มรู้จักใช้หน้าตาของตนเองหาประโยชน์ตั้งแต่เด็กๆ เขาไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่เขากลับรู้จักการเอาใจคน โดยเฉพาะเมื่อเขาไปทำงานที่ปั๊มน้ำมันเป็นเด็กล้างรถ เขาก็มักจะยิ้มและคอยประจบเจ้าของปั้มที่เป็นแม่หม้ายใจดีอยู่เสมอ จนกระทั่งเจ๊พรเจ้าของปั้มมองว่าเขาน่าจะเป็นคนฉลาดนางจึงตัดสินใจส่งเขาเรียนจนจบมัธยมและมหาวิทยาลัย เพื่อให้เขามาช่วยงานบัญชีที่ปั๊ม เพราะเจ๊พรไม่มีลูก ซึ่งเขาไม่ได้ทำให้เจ๊พรผิดหวังเลย หนำซ้ำเขายังทำมากกว่าที่เจ๊พรหวังอีกด้วยเพราะความที่เป็นคนหนุ่มหน้าตาดี นั่นทำให้เจ๊พรเกิดหลงรักเด็กหนุ่มที่ตนเองส่งเสีย เมื่อเขาโตเป็นหนุ่มขึ้นมาและเต็มเองก็ใช่ว่าโง่ เขากับเจ๊พรไม่ได้มีความผูกพันกันทางสายเลือด ดังนั้นจึงไม่ผิดอะไรหากว่าเขาจะเลื่อนตำแหน่งจากเด็กในปกครองมาเป็นสามีที่ออกหน้าออกตาของเจ๊พร

 

ดังนั้นเมื่อเขาเรียนจบ ความทะเยอทะยานของเขาจึงไม่สั่งให้เขารักใครเลย โดยเฉพาะผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากับเจ๊พร ในตอนแรกก็มีคนครหามากมายว่าเขาแต่งกับเจ๊พรเพราะเงิน ทว่าใครจะสน เต็มคิดเยาะๆ เขารู้ดีว่าหากใครได้โอกาสแบบเขาก็คงไม่ปล่อยให้ทุกอย่างหลุดมือไปเช่นกัน และเขาก็ฉลาดพอที่จะรอคอย

 

เขาอยู่กับเจ๊พรอย่างขยันขันแข็งมาเป็นเวลากว่า 5 ปี กิจการงานปั๊มก็เติบโตขึ้น เงินทองก็มากขึ้น มั่งมีขึ้น ในชีวิตของเขาเขารู้สึกว่าทุกอย่างดีขึ้นหมด ยกเว้นเจ๊พร ที่ตอนนี้เริ่มแก่โรงหนังเหี่ยว จู้จี้ขี้บ่นมากขึ้น จนบางครั้งเขาก็อยากจะประเคนหมัดเข้าให้ แต่เพราะตอนนี้ทุกอย่างยังคงเป็นของเจ๊พรอย่างเต็มตัว เขาจึงต้องศึกษาบางอย่างเพิ่มขึ้น ศึกษาบางอย่างที่ทำให้เขาจะได้หลุดพ้นจากการรอคอยอันแสนจะยาวนานนี้เสียที

 

ดังนั้น ชายหนุ่มจึงเริ่มศึกษาอะไรบางอย่างที่จะทำให้เขาผ่านพ้นการรอคอยได้อย่างแนบเนียนและไร้ความผิด ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติมากถึงมากที่สุด มันแค่เริ่มจากการที่เขานำพืชชนิดหนึ่งมาปลูกในบ้านก็เท่านั้นเอง

“นี่มันต้นอะไรน่ะ”

เสียงของเจ๊พรถาม เมื่อเขานำพืชบางชนิดมาปลูกรอบๆ ปั๊มน้ำมัน

“มะละกอน่ะ ปลูกไว้ให้พวกเด็กๆ มันเก็บไปตำส้มตำ”

 

เขาบอกง่ายๆ ซึ่งเจ๊พรเป็นคนใจดีอยู่แล้วจึงไม่ได้ว่าอะไรเพราะว่าอะไร แต่ว่าในดงมะละกอนั้นเขาได้แอบบางอย่างเอาไว้ บางอย่างที่คล้ายมะละกอแต่ก็ไม่ใช่ ต้นที่ใครหลายๆ คนเรียกว่ามะละกอฝรั่ง และไม้ดอกสวยงามอีกหลายชนิด แย้มปีนัง มะกล่ำตาหนู ซึ่งเขาได้ศึกษาวิธีที่จะใช้พวกมันมาเป็นอย่างดีแล้ว มันคือสิ่งที่เขาจะเตรียมการไว้อย่างไม่ผิดพลาด

 

เพียงไม่นานต่อจากนั้น เจ้าของปั๊มอย่างเจ๊พรก็เริ่มที่จะป่วยกระเสาะกระแสะ และอีกไม่นานต่อมานางก็เสียชีวิตด้วยอาการความดันสูงและหัวใจวาย ไม่มีใครสงสัยเขา ไม่มีตำรวจคนไหนสงสัยในต้นไม้ที่เขาปลูกเอาไว้ ที่ต้องทำก็เพียงโค่นต้นไม้บางอย่างทิ้ง เพราะมันโจ่งแจ้งเกินไปหากมีคนอื่นมาสัมผัสมันเข้า หากแต่ส่วนใหญ่ทุกอย่างก็เรียบร้อยราบรื่น เขาได้กลายเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน เป็นคนที่ใครต่อใครเรียกว่าเสี่ยได้เต็มปากเต็มคำและเต็มใจ

 

เมื่อตอนที่เขาเป็นเพียงไอ้เต็ม ก็ไม่ได้มีใครอยากยุ่งวุ่นวายกับเขานักและหากเขาเป็นเสี่ยเต็มเล่า คนที่มาวุ่นวายกับเขากลับมีมากมาย โดยเฉพาะไอ้พวกอบายมุขทั้งหลาย หากแต่เสี่ยเต็มไม่เล่นยา ไม่แม้แต่สูบบุหรี่

“ขอทางรวยลัดหน่อยไหมเสี่ย”  ไอ้เฮงเจ้าของบ่อนถามเขา

“รวยลัดหรือ ยังไง”

เสี่ยหนุ่มสนใจ เขาไม่เสพยา นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่โลภ เขารวยอยู่แล้วก็จริง แต่การรวยมากขึ้นกว่านี้ก็น่าสนใจ

“มาเสี่ยงดวงกันหน่อยเป็นไง”  เฮงบอก

 

และคราวนี้เสี่ยหนุ่มเมียตายก็ตัดสินใจลองเสี่ยงสักตั้ง ทว่าสิ่งที่การพนันและยาเสพติดมีเหมือนกันนั่นก็คือ พอลองแล้วเลิกยาก ในครั้งแรกที่ไปเล่นเสี่ยหนุ่มได้ไปกว่า 6 หมื่น เงินที่ได้มาง่ายๆ น่าหอมหวานไม่ใช่น้อย และนายเฮงก็ฉลาดพอจะอ่อยเหยื่อต่อไปอีกสอง-สามครั้ง สรุปรวม 3 ครั้งเต็มได้เงินจากการพนันเกือบๆ  2 แสน

 

เขาเริ่มเอาเวลาไปเข้าบ่อนมากกว่าที่จะอยู่ดูแลปั๊มน้ำมัน และจากได้  ได้  ได้ มาคราวนี้เขาก็เริ่มเสีย เสีย เสีย และเพราะนิสัยว่าเคยได้ ความเชื่อที่ว่าจะต้องถอนทุนคืนจึงมาอยู่ในหัว

“เลิกแน่แต่ต้องขอทุนคืนก่อน” เต็มคิดอย่างนี้ โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่ายิ่งคิดแบบนี้มากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นหนทางที่นำไปสู่การหมดตัวมากขึ้นเท่านั้น

 

กว่าที่เขาจะคิดได้ สถานะทางการเงินของเขาก็เริ่มจะง่อนแง่น กิจการน้ำมันเกือบที่จะไปไม่รอด ตอนที่เขาตัดสินใจว่าจะเลิกเข้าบ่อนอย่างเด็ดขาด เขาหมดไปกับการพนันหลายล้านด้วยกัน และเมื่อการเงินง่อนแง่นมีหรือคนอย่างเต็มจะยอมอยู่เฉย ในเมื่อเขามีหน้าตาเป็นอาวุธ เขาจึงเริ่มมองหาเหยื่อรายต่อไป เหยื่อที่จะทำให้สถานะทางการเงินของเขากลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

 

และแน่นอนว่าไม่นานเขาก็เจอ หลิน เจ้าของร้านขายข้าวสารที่ยังไม่เคยมีสามีมาก่อน รูปร่างหน้าตาของหลินในสายตาของเต็มก็ดูงั้นๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้ว นี่เองที่ทำให้เขาพอจะอดทนเธอได้สักระยะ และอีกสาเหตุที่ทำให้หลินไม่มีใครสักที เพราะเธอไปไหนไมาไหนม่ได้ เธอมีน้องสาวที่เป็นออทิสติกต้องคอยดูแล ทำให้หนุ่มไหนที่มาจีบก็คงจะเบื่อหน่ายกันไปหมด ยกเว้นเต็ม เขามองเห็นว่าทรัพย์สมบัติของหลินนั้นแม้ไม่เยอะนัก แต่เพราะเธอน่าจะขยันและรายจ่ายไม่มาก เธอน่ามีเงินเก็บไม่น้อย อย่างน้อยๆ ก็พยุงฐานะเขาได้

 

อีกข้อหนึ่งของหลินที่ทำให้เขาพอใจนั่นก็คือการที่เธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก มีแค่เธอและหยก น้องสาวพิการของเธอเท่านั้นจึงไม่น่าจะยากที่จะกำจัด ชายหนุ่มไม่ได้รอช้าเขาหันไปจีบหญิงสาวผู้นี้ทันที

 

ไม่นานนัก หลินก็ตกหลุมรักชายหนุ่มรูปงามน้ำใจงาม และไม่รังเกียจน้องสาวของเธอเลยสักนิด หยกเองก็ดูจะชอบเขาอยู่ไม่น้อย หยกเด็กออทิสติกที่ชอบเล่นไวโอลีน เธอสีไวโอลินได้เพราะมาก หากแต่ในเรื่องอื่นๆ เธอจะต้องอาศัยพี่สาวอยู่เสมอ แต่โดยรวมแล้วหยกเป็นเด็กสาววัย 15 ที่น่ารักมาก และหยกนี่เองที่เป็นหมากตัวสำคัญที่เขาคิดจะฆ่าเธอและหลิน โดยยืมมือของหยกเพื่อที่เขาจะได้พ้นข้อกล่าวหาทั้งปวงเหมือนที่เคยมาแล้ว

 

แผนการของเขาเริ่มขึ้นหลังจากที่แต่งงานกับหลินได้ 1 ปี เขาเริ่มที่จะป้องกันตัวเองออกไปจากข้อสงสัยเสียก่อน เขาจึงยอมลงทุนขับมอเตอร์ไซค์ล้ม เพื่อที่จะได้มานอนโรงพยาบาลพร้อมกับแผนการที่ร้ายได้เริ่มต้นขึ้น

 

ในบ่ายวันที่สมาชิกภายในบ้านต้องไปนอนโรงพยาบาล วันรุ่งขึ้นนั้นเป็นวันเกิดของหยกพอดี ปีนี้หยกจะอายุ 16 ปี และเธออยากจะทำของขวัญพิเศษให้พี่เขยที่เธอรักเหมือนพี่ชายอีกคนหนึ่ง

“น้องหยกทำอะไร” หลินถามน้องสาว

“หยกอยากทำคุกกี้ให้พี่เต็ม พี่เต็มเจ็บ น่าสงสาร”

เธอบอกกับพี่สาว และแน่นอนว่าเมื่อหยกอยากทำหลินไม่มีทางเพิกเฉยอยู่แล้ว ที่สุดหลินจึงตัดสินใจช่วยกันกับหยกเพื่อจะทำคุกกี้ไปเยี่ยมเต็มด้วยกัน

“วันนี้วันเกิดหยก ทำอาหารหลายอย่างแล้วเพิ่มคุกกี้ไปด้วยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร”

หลินว่า และนั่นทำให้หยกยิ้มออกมาได้ ในวันนั้นหลินเตรียมอาหารไว้หลายอย่างทั้งกุ้งอบ ยำวุ้นเส้น ฮอทดอกและไส้กรอกทอด และหญิงสาวก็เตรียมร่อนแป้งเตรียมจะอบคุกกี้ ในขณะที่เธอวางถาดคุกกี้ไว้หน้าเตาอบนั้นเอง หลินนึกได้ว่าวันนี้เธอลืมเอาข้าวที่ลูกค้าประจำสั่งเอาไว้ไปส่ง

“เดี๋ยวพี่มานะคะ หยกอย่าดื้อนะ”

หลินบอกน้องสาวก่อนจะเอาข้าวขึ้นท้ายรถแล้ววิ่งไปส่งลูกค้า เธอไม่รู้สักนิดว่าเมื่อเธอออกไปเสียงโทรศัพท์ในบ้านก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล” หยกรับสาย

“หยก พี่เต็มมีเรื่องให้หยกทำ ตอนนี้พี่หลินไม่อยู่ใช่ไหม”

เขาถามเพื่อการกรุยทางเพื่อความสะดวก หากว่าหลินไม่อยู่ช่วงนี้ จังหวะนี้แหละที่เหมาะที่สุดที่เขาจะยืมมือฆ่า

“พี่หลินไม่อยู่ ออกไปซื้อของ”  หยกรายงาน และนี่คือโอกาสดีของเต็ม

“หยกขึ้นไปที่ห้องของพี่นะ หยกจะเห็นกล่องสีเขียวเล็กๆ ในลิ้นชักกระจกนั่นแหละ พี่อยากให้หยกเปิดกล่องแล้วโรยผงด้านลงในน้ำชากับอาหาร”  เขาบอก

“มันคืออะไรคะ”

หญิงสาวถาม เธอไม่รู้หรอกว่าทุกอย่างมันไม่ชอบมาพากล แต่เธอก็ยังมีความสงสัย

“มันคือผงวิเศษที่กินแล้วจะมีความสุข”

เขาบอกแล้วยิ้มเยาะ ที่จริงกล่องนั้นคือยาพิษที่สกัดจากพืชและเขากำลังจะใช้มันผ่านมือของหยก

“กินแล้วจะมีความสุข”

เด็กหญิงทวนคำ และนั่นทำเอาชายหนุ่มยิ้มรีบย้ำ

“ใช่ กินแล้วจะมีความสุข ใส่ไปเลยนะ มันมีแค่นิดเดียวใส่ให้หมดเลย”

เขาบอกอย่างกระตือรือร้น และยิ้มพอใจ เมื่อหยกรับคำอย่างดีก่อนวางสายไป

 

เต็มนอนยิ้มอยู่ในห้องพยาบาล ฝันหวานถึงเงินก้อนใหญ่ที่เขาจะได้รับเมื่อหลินและหยกจากไปแล้ว เขามองหน้าตาของตนเองอย่างลำพอง เขาคงใช้มันได้อีกเนิ่นนานเลยทีเดียว ทว่าสิ่งหนึ่งที่เต็มไม่มีโอกาสรู้เลยนั่นก็คือ เวรกรรมกำลังตามเก็บเกี่ยวและมอบผลผลิตที่เขาได้ขอเอาไว้แล้ว เพราะยาพิษกล่องเล็กที่เขาบอกว่ากินแล้วจะมีความสุขนั้น หยกไม่อยากมีความสุขเฉพาะเธอและพี่สาวเป็นอันขาด เมื่อเห็นแป้งคุกกี้ที่วางเอาไว้เด็กสาวจึงตั้งใจใส่ลงไปในแป้งคุกกี้ที่รออบนั้นด้วย เพื่อให้พี่เต็มของเธอมีความสุขเช่นกัน ทว่าระหว่างที่กำลังหยิบใส่ หยกเกิดซุ่มซ่ามทำกล่องทั้งกล่องร่วงลงไปในแป้งคุกกี้

“แย่แล้ว หกหมดเลย เอาไปใส่อย่างอื่นไม่ได้แล้ว”

หยกบ่นอย่างเสียดาย แต่เธอจะไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับพี่เต็มเป็นอันขาด เพราะกลัวพี่เต็มโกรธ ไม่เป็นไรหรอก ถึงเธอกับพี่หลินไม่ได้กินผงแห่งความสุขก็ไม่เป็นไร ให้พี่เต็มกินก็พอแล้ว จะได้มีความสุขมากๆ เธอคิดและเก็บทุกอย่างเป็นความลับ

 

และทุกอย่างก็เป็นความลับจริงๆ จนกระทั่งหลินกลับมาแล้วอบคุกกี้ไปให้เขาแล้วนั่นแหละ เธอไม่ได้ไปเอง แต่จ้างวินมอเตอร์ไซค์เอาไปส่ง เต็มแกะคุกกี้เข้าปากอย่างอารมณ์ดี อีกไม่นานแล้ว เขาคิดไปวาดฝันไปและกินไป ทว่าเพียงชิ้นที่ 4 เขารู้สึกแสบร้อนในทรวงอก ก่อนจะรู้สึกเหมือนถูกไฟลวกทั้งตัว ปวดแสบปวดร้อน หัวใจเต้นเร็วและแรง ก่อนจะค่อยๆ ช้าลง เพราะว่าความเจ็บปวดทรมานที่เหมือนมีไฟเผาจากภายในไม่ได้น้อยลงเลย เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเขาก็กระอักมาเป็นเลือด

 

ห้องของเขาเป็นห้องพิเศษ ซึ่งไม่ได้อยู่ในสายตาของพยาบาล และกว่าที่จะมีใครมาเห็นก็เป็นเวลาที่เขาขาดใจตายไปแล้ว ด้วยความชั่วความคิดชั่วร้ายของตนเอง ด้วยยาพิษของตนเอง เวรกรรมเหลือเกิน

 

ที่มาและการอ้างอิง

กฏแห่งกรรม “ยาพิษ” โดย นันธิดา