วันเสาร์, 27 กรกฎาคม 2567

วิธีแก้กรรม “เรื่องการเงิน” ด้วยการกรวดน้ำ

 

เรื่องที่ทำให้ชีวิตของคนเราขัดสนเรื่องเงินทองนั้น มีมากมายหลายอย่าง หากจะมองทางวิทยาศาสตร์ ก็อาจจะมาจากเรื่องค่าใช้จ่ายที่มากกว่ารายได้ บ้างก็บอกให้ประหยัด แต่จะให้ทำยังไงได้หละ ก็ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก็ล้วนแต่จำเป็นทั้งนั้น หรืออยู่ ๆ ก็เกิดความเดือดร้อนทางการเงินมาแบบไม่รู้ตัวก็ได้ แต่ในบางราย ก็เกิดจากการที่ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเองด้วย

 

ทีนี้เรากลับมามองในเรื่องของธรรมะกันบ้าง ท่านว่าเพราะในอดีตไม่รู้จักให้ทาน ตระหนี่ถี่เหนียว ทำให้ชาตินี้เกิดมาเป็นคนจนข้นแค้น ผู้ที่ประสบกับความทุกข์หรือปัญหาต่างๆ นั้น ย่อมหาทางออกด้วยวิธีการมากมาย หนึ่งในนั้นคือ การแก้กรรม กรรมที่กระทำมา ไม่ว่าจะเป็นในอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติ ไม่อาจแก้ไขได้  แต่สามารถบรรเทาผลแห่งกรรมนั้นได้ ปัญหาที่ปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปประสบอยู่ก็หนีไม่พ้น เรื่องทรัพย์สินเงินทอง เรื่องความรัก การงาน เป็นต้น

 

โดยเฉพาะเรื่องเงินทองนั้นถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบัน แต่ทว่าเมื่อใดก็ตามที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ก็จะนำมาซึ่งความยากลำบาก การเป็นหนี้สิน หากทุกข์จนไม่มีทางออกก็ใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งการแก้ปัญหานั้นๆ โดยใช้วิธีการทำร้ายตนเองหรือคนในครอบครัว และคนจำนวนไม่น้อยก็มองหาทางออกด้วยการดูดวงสะเดาะเคราะห์ บูชาวัตถุมงคล หรือการบวชปฏิบัติธรรม การให้ทาน แล้วอุทิศส่วนบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เพื่อให้ตนนั้นคลายจากความทุกข์เหล่านี้ ทว่าการจะบรรเทาผลของการกระทำนั้นก็ต้องดูที่สาเหตุเป็นหลัก เช่น กรรมในปัจจุบัน คือให้พิจารณาว่าเรามีสติในการใช้จ่ายเงินหรือไม่ เราใช้ของฟุ่มเฟือยหรือไม่ เราทำอะไรเกินตัวหรือไม่ ขี้เกียจทำงานหาเงินหรือไม่

 

ซึ่งหากเป็นกรรมปัจจุบันอย่างที่กล่าวมานั้น ก็ควรปรับปรุงแก้ไขที่ตนเองเป็นหลัก คือลดละเลิกพฤติกรรมเหล่านี้ ก็จะทำให้สถานภาพทางการเงินดีขึ้น แต่อีกส่วนหนึ่งคือ กรณีของกรรมเก่า หรือกรรมในอดีตชาติที่เราไม่อาจล่วงรู้ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น

  • ทางบ้านได้ทิ้งภาระหนี้สินไว้ให้โดยที่ตนไม่รู้ตัว หรือตนไม่ได้เป็นคนก่อ
  • ลูกหลานบริวารผลาญสมบัติเล่นจนหมด
  • ถูกโกงหรือถูกเอาเปรียบสารพัดทั้งๆ ที่ตนไม่เคยเอาเปรียบคนอื่นมาก่อนเลยในชาตินี้
  • ให้คนอื่นกู้ยืมเงิน แล้วไม่ได้คืน

ให้สังเกตว่าสิ่งใดๆ ก็ตามที่ตนไม่ได้เป็นคนก่อ แต่ตนต้องเป็นคนรับผลในชาตินี้ ถือเป็นกรรมเก่าที่สืบเนื่องกันมาจากคนที่ก่อไว้ เช่น มีลูกหลานก็ผลาญสมบัติจนหมดตัว มีสามีหรือภรรยาก็ใช้เงินเก่งจนเกินตัว หาให้เท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ หรือญาติพี่น้องก่อหนี้สินให้

 

สิ่งเหล่านี้หากไม่มีเหตุมาแต่เดิมก็คงไม่มีผล คือ

  • เพราะเหตุใด คนเหล่านี้จึงเกิดมาเกี่ยวข้องกับเรา
  • เพราะเหตุใด เมื่อมีลูกมีสามีมีภรรยาแล้วจึงทำให้เราลำบาก
  • เพราะเหตุใด เมื่อเรามีบริวารญาติมิตรถึงนำแต่ความเดือดร้อนมาให้
  • เพราะเหตุใด เมื่อลงทุนหรือทำธุรกิจคู่ค้ากับใครเป็นต้องถูกโกงถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่เสมอ
  • เพราะเหตุใด เมื่อน้ำท่วม ไฟไหม้ ทรัพย์สินเงินทองบ้านช่องจึงไม่เหลืออะไรเลย
  • เพราะเหตุใด โจรจึงขึ้นบ้านนับครั้งไม่ถ้วน เป็นต้น

ก็เพราะในอดีต ไม่ว่าจะเป็นชาติใดชาติหนึ่งนั้น เราเองก็เคยกระทำเช่นนั้นกับเขาไว้ก่อน เช่น ในอดีตชาติอาจจะเคยโกงเขามา เคยเอาเปรียบเขา เคยลักทรัพย์ขโมยทรัพย์สินเขามา หรือเคยทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนมาก่อน ในชาตินี้จึงต้องรับกรรมในการกระทำนั้นๆ หรือผู้ที่เกิดมาร่วมวงศ์วานนั้นก็เคยกระทำกรรมในลักษณะเดียวกัน จึงต้องมาชดใช้ร่วมกัน เช่น พี่น้องก่อหนี้สินให้ จึงต้องรับภาระใช้หนี้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนในบ้านพลอยลำบากไปด้วย เพราะถึงแม้ว่า เราจะรับภาระใช้หนี้คนเดียวก็ตาม แต่ผลกระทบก็ตกถึงคนที่เรารับผิดชอบดูแลให้ต้องลำบากไปด้วย สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ที่ทำให้ต้องขัดสนเงินทอง หรือต้องรับภาระในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ก่อในชาตินี้ ก็เนื่องด้วยการประพฤติผิดศีลในชาติที่แล้ว

 

เห็นชัดเจนคือศีลข้อที่ 2 อทินนาทาฯ คือ ละเว้นจากการเอาของผู้อื่นที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ แม้แต่การยืมเงินผู้อื่นเล็กๆ น้อยๆ แล้วลืมให้ ก็เป็นเหตุให้แก้ ให้เกิดผลกรรมเหล่านี้ได้ เพราะเจ้าของเงินเขาย่อมไม่พอใจ จึงถือว่าเขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราแล้วนั่นเอง หรือแม้แต่เขาจะปล่อยวางไม่ถือเอาคืนแล้วก็ตาม แต่เจตนาที่เขาให้เราตั้งแต่ครั้งแรกนั้นไม่ได้ให้เปล่า แต่ให้ยืม ทว่าในภายหลังเราไม่คืน แล้วเขาไม่ติดใจ ก็ถือว่าเป็นกรรมที่เราต้องได้รับผล แต่ถ้าสมมุติว่าเขายกให้ตั้งแต่แรกคือให้ฟรีๆ โดยไม่ได้ให้เรายืม ก็ถือว่ามีเจตนายกให้ หรือผู้ที่ชอบซื้อเชื่อ สิ่งเหล่านี้คือการกระทำที่เป็นเหตุและต้องบังเกิดผลให้เราต้องรับ แม้ว่าในบางครั้งจากกระทำไปด้วยความไม่รู้ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ด้วยความเป็นเด็กไร้เดียงสาแต่การกระทำใดๆ ย่อมได้รับผลของการกระทำนั้นทั้งสิ้น

 

ฉะนั้นหากมี “หนี้สิน” ที่ใช้เท่าไรก็ไม่หมด ก็ให้ลองนึกดูว่าในปัจจุบันเคยกระทำเช่นนี้หรือไม่ หากไม่เคยก็อาจจะเป็นเรื่องของอดีตที่ได้ไปกระทำกับผู้อื่นไว้ในลักษณะนี้ จึงกลายเป็นหนี้กรรมที่ต้องชดใช้ด้วยความยากลำบาก สำหรับกรรมในอดีตชาติที่มีผลในปัจจุบันก็เช่น อาจจะเคยลักขโมยทรัพย์สิน เคยโกงกินผู้อื่นมาก่อนก็เป็นได้ จึงทำให้ลำบากในชาตินี้ หรือในอีกกรณีหนึ่งก็คือ ในชาตินี้เคยโกงผู้อื่นหรือไม่ เคยลักขโมยของผู้อื่นหรือไม่ เคยเอาเปรียบผู้อื่นหรือไม่ เพราะในบางครั้งเราอาจจะหลงลืมในสิ่งที่เรากระทำก็เป็นได้ หากคิดพิจารณาแล้วปรากฏว่าผลกรรมที่ตนได้รับในปัจจุบันคือการผิดศีลในชาติปัจจุบัน ก็ต้องยอมรับในผลของกรรมนั้นเช่นเดียวกัน แต่ทว่าความสามารถบรรเทากรรมได้ ด้วยการปฏิบัติของเราเอง

 

ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาในผลกรรมที่เราไม่รู้ว่า ได้ไปก่อกรรมทางการเงินกับใครไว้บ้าง ก็ให้หมั่นกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรอยู่เสมอ เพราะสิ่งที่เราไม่รู้นั่นแหละที่เจ้ากรรมนายเวรเค้าอาจไม่อโหสิกรรมให้กับเรา ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำได้ในเวลานี้ก็คือ กรวดน้ำ เพื่อให้ตนสบายใจ ให้จิตใจจดจ่ออยู่กับน้ำที่กรวดและระลึกถึงเจ้ากรรมนายเวร ให้ท่านช่วยอนุโมธนาบุญให้กับเราอยู่เสมอ และหมั่นสั่งสมบุญกุศลต่อไป คราใดเมื่อหมดเวรหมดกรรมกันแล้ว บุญกุศลเหล่านั้นจะบังเกิดสิ่งดี ๆ แด่ตัวท่านเอง

 

ที่มาและการอ้างอิง

หนังสือกรวดน้ำแก้กรรม : ผู้เขียน แก้วธารา