วันพุธ, 11 ธันวาคม 2567

(ฮวงจุ้ย) การต่อเติมหลังบ้านให้ถูกต้อง

“หลังบ้าน” ตามหลักฮวงจุ้ยหมายถึงความมั่นคงของที่พักพิง การต่อเติมหลังบ้านจึงต้องระวังในเรื่องนี้ เพราะถ้าทำผิดจะกระทบเรื่องความมั่นคงโดยตรง

 

 

สิ่งที่จะต้องคำนึงเป็นอันดับแรกในการต่อเติมหลังบ้านก็คือ รูปทรงของส่วนที่จะต่อเติม ในทางฮวงจุ้ยจะกำชับนักหนาว่าการต่อเติมด้านหลัง จะต้องต่อให้เรียบเต็ม อย่าให้เกิดรูปทรงเว้าแหว่ง เช่น รูปทรง “ตัวแอล” หรือ “ตัวยู” เพราะจะเป็นการทำลายความมั่นคง เนื่องจากหลังบ้านไม่เต็ม มีส่วนเว้าแหว่ง ภาษาฮวงจุ้ยบอกว่าประธานล้มเหลว

 

การต่อเติมด้านหลังให้เรียบเต็มเท่ากับตัวบ้านเดิม ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะขยายออกไปมากเท่าไรก็ตาม แต่การต่อเติมลักษณะแบบนี้ก็มีสิ่งที่จะต้องพิจารณาอีกเช่นเดียวกัน โดยให้ดูระยะห่างจากกำแพงหลังบ้านเป็นหลัก การต่อเติมประเภทติดกำแพงถือเป็นลักษณะที่ไม่ดี เพราะจะทำให้บ้านก่อสภาพอุดตันได้

 

หลักฮวงจุ้ยบอกเอาไว้เสมอว่า หลังบ้านจะต้องมีทางออกหรือมีประตูหลังบ้าน การต่อเติมแบบติดกำแพง จึงไม่สามารถมีประตูหลังบ้านได้ ถ้าจำเป็นจะต้องมีการต่อเติมจนเต็มพื้นที่ อย่างกรณีการต่อเติมหลังบ้านทาวน์เฮ้าส์หรืออาคารพาณิชย์ ที่นิยมทำกันสาด ก็ให้เว้นที่ว่างไม่เกิน 1 ถึง 3 แล้วทำประตูออกด้านข้างแทน

 

หากพื้นที่ว่างมีมากกว่า 1 ใน 3 ก็จะกลายเป็นบ้านแหว่งได้ นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงเรื่องของแสงสว่างและการไหลเวียนของอากาศด้วย การต่อเติมพื้นที่จะก่อปัญหาเรื่องการไหลเวียนของอากาศได้ง่าย ถ้าจะให้ดี การต่อเติมควรเป็นในลักษณะเปิดโล่ง ให้แสงและอากาศไหลผ่านได้จะเป็นการดีที่สุด การต่อเติมหลังบ้านให้ทำโครงหลังคาคลุมด้านหลังเอาไว้ เพราะส่วนใหญ่ด้านหลังบ้านมักจะทำเป็นห้องครัว ห้องน้ำ ห้องส้วมอยู่แล้ว หลังบ้านที่เปิดโล่ง จะได้ไล่กลิ่นและควันออกนอกบ้าน ได้ดีกว่าการต่อแบบปิดทึบ

 

กรณีที่จำเป็นจะต้องต่อเติมพื้นที่จนติดกำแพงด้านหลัง อาจแก้ไขโดยการทำหลังคาใสหรือใส่เครื่องดูดควันดูดอากาศไว้ที่หลังคา เพื่อช่วยให้ด้านหลังมีแสงสว่าง และมีการไหลเวียนของอากาศได้ดี

 

การต่อเติมอาคารด้านหลัง ในลักษณะทำเป็นอาคารใหม่ ไม่เกี่ยวกับอาคารเดิม สิ่งที่จะต้องระมัดระวังก็คือ ขนาดของอาคารใหม่ที่ต่อเติมเพิ่ม มีลักษณะที่เล็กใหญ่ขนาดไหน กรณีอาคารใหม่ใหญ่กว่า มักจะไม่ค่อยมีปัญหา เช่น บ้านเดิม 2 ชั้น อาคารใหม่ด้านหลังเป็น 3 ชั้น อย่างนี้ถือว่าบ้านเดิมมีที่พิงหลัก คือ มีประธานมั่นคงด้านหลังสูงด้านหน้าต่ำ

 

กรณีที่อาคารใหม่เล็กกว่า เช่น เป็นอาคารชั้นเดียว สิ่งที่จะต้องระวังให้มากก็คือ เรื่องของตัวและแนวของหลังคาของอาคารใหม่ทำร้ายอาคารหลังเดิมได้ เช่น จั่วของอาคารใหม่อาจพุ่งเข้าหาห้องนอนชั้น 2 ยกเว้นอาคารใหม่อยู่ด้านข้างของตัวบ้านเดิม ผลกระทบก็อาจไม่เกิดขึ้นได้ แต่หากอยู่ระหว่างกลางบ้านเดิมมักจะหลีกเลี่ยงได้ยาก

 

ถ้าแนวหลังคาออกแบบไม่ให้หันฉั่วพุ่งเข้าหาอาคารเดิม สิ่งที่จะต้องระวังก็คือ ความลาดเอียงของหลังคาจะพุ่งเข้าชนตัวบ้านเดิมได้ ยกเว้นอาคารหลังใหม่ อยู่ห่างจากตัวบ้านเดิมมากพอที่จะไม่โดนแนวลาดเอียงของหลังคา ก็ถือว่าไม่มีผลกระทบ

 

ลักษณะที่กล่าวมานี้ ในทางฮวงจุ้ยจะเรียกว่า “แทงหลัง” ซึ่งร้ายกว่าการมีจั่วอยู่ตรงข้ามบ้านเสียอีก เพราะการถูกแทงหลังเป็นการทำลายความมั่นคงของเจ้าของบ้าน ผลที่เกิดขึ้นคือ เจ้าของบ้านจะเริ่มมีอาการเจ็บป่วย กระทบเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงาน ธุรกิจประสบปัญหา และอาจกลายเป็นคนล้มละลายได้ในที่สุด

 

ดังนั้น หากผู้ใดที่กำลังคิดจะต่อเติมอาคารด้านหลัง ควรใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องต่างๆเหล่านี้ให้มาก

 

Source : ฮวงจุ้ยการสร้างบ้าน-ต่อเติมบ้าน โดย มาโนช ประภาษานนท์