ในการดำรงชีวิตของคนเรา ปกติช่วงเวลาขับถ่ายจะอยู่ที่เวลาตี 5-7 โมงเช้า แต่ถ้าหากช่วงเวลาดังกล่าวเรายังไม่ขับถ่าย จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วง 7 โมง-9 โมงเช้า ซึ่งเป็นเวลาสำหรับกระเพาะอาหาร แต่เรากลับไม่รับประทานอาหาร สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ อาการท้องว่าง
จากนั้น อุจจาระจากลำไส้ใหญ่จะถูกบีบตัวขึ้นมาสู่ลำไส้เล็ก และกลับสู่กระเพาะอาหารอีกครั้ง เพื่อทำการย่อยสลาย อะไรจะเกิดขึ้นกับกระเพาะอาหารของเรา ถ้ามันต้องย่อยกากอาหารที่เน่าเสียแล้วซ้ำไปซ้ำมาไม่จบสิ้น
ผลที่ตามมาก็คือ แก๊สพิษที่เกิดจากการย่อยสลายอุจจาระที่เน่าเสีย จะถูกส่งไปตามกระแสเลือด เพื่อหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย และเมื่อนั้นเอง ระบบกลไกการทำงานของร่างกาย ซึ่งเปรียบประหนึ่งเครื่องจักร ที่ต้องการน้ำมันหล่อลื่นตลอดเวลา ก็จะเกิดสะดุดขึ้นมาทันที เนื่องจากได้รับสารพิษเหล่านี้เข้าไปทดแทน ไม่นานร่างกายของเราก็จะเจ็บป่วย และสูญเสียสมรรถภาพการทำงานในที่สุด
ตัวอย่างอาการต่าง ๆ ของโรคเกี่ยวกับระบบขับถ่าย คือ ปวดท้อง ท้องผูก ถ่ายไม่ออก ถ่ายเป็นมูกเลือด มีอาการอาหารไม่ย่อย ท้องผูกเป็นประจำ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคมากมาย
การรับประทานข้าวขัดสีจนขาว น้ำตาลทรายขาว แป้งขาว เนื้อสัตว์จำนวนมาก และอาหารขยะทั้งหลาย รวมทั้งการบริโภคคาเฟอีน นิโคติน แอลกอฮอล์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคร้ายกับผู้คนในยุคปัจจุบัน
ส่วนอาหารที่ดีเลิศสำหรับระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ แอปเปิ้ล หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี แตงโม มันฝรั่ง ข้าวกล้อง น้ำผักสด (ไม่ต้องมาก ค่อย ๆ จิบช้า ๆ ก็พอ) น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ สับปะรด หัวผักกาด โยเกิร์ต และผลไม้ที่ให้วิตามินซี