วันเสาร์, 27 กรกฎาคม 2567

โบราณท่านว่า 19 ต้นไม้ ไม่ควรปลูกในบ้าน (ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล)

ตามความเชื่อที่ว่ากัน  การปลูกไม้เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล  ใช่ว่าจะปลูกต้นไม้อะไรก็ได้ทุกชนิด  เพราะหากเลือกไม้ที่ไม่ควรไม่เหมาะสมมาปลูก  ก็อาจจะเกิดแต่เรื่องที่ไม่ดีเข้ามารุมเร้าตลอดเวลา  ดังนั้นแล้วการจะลงต้นไม้อะไรสักต้นในอาณาบริเวณบ้าน  ความชอบส่วนตัวอย่างเดียวคงจะไม่ได้แล้ว  ต้องอาศัยดูจากความเชื่อที่เชื่อกันมานานไว้บ้างก็ดี

 

 

1.ต้นลั่นทม

ถึงแม้ว่าต้นลั่นทมจะมีความสวยงามสูงใหญ่  ดอกที่ออกมาก็มีลักษณะที่สวยสะอาดพร้อมด้วยกลิ่นหอม  แต่ด้วยชื่อที่ใช้เรียกนั้นฟังดูไม่เป็นมงคลสักเท่าไรนัก  สื่อความหมายออกไปว่าระทมทุกข์  เต็มไปด้วยทุกข์  คนไทยตั้งแต่อดีตมาจึงไม่นิยมเลือกมาปลูกในพื้นที่ของบ้าน  เพราะเชื่อว่าบ้านที่อยู่จะมีแต่ความทุกข์ความโศกเศร้า  รวมถึงความสูญเสียตายจาก  เนื่องด้วยต้นลั่นทมมักจะถูกปลูกอยู่บริเวณหลุมฝังศพ

 

2.ต้นโศก

ด้วยชื่อเรียกที่มีความหมายไม่ค่อยดี  สื่อถึงความโศกเศร้า  หดหู่  บ้านเรือนที่อยู่อาศัยของคนไทยโดยมากจึงไม่นิยมปลูกไว้  เพราะความเชื่อว่าชื่อของต้นไม้ชนิดนี้จะนำพาแต่เรื่องเศร้า ๆ เข้ามาในบ้าน  หากปลูกไว้ภายในบ้านจะมีแต่เสียงร้องไห้เสียใจมากกว่าเสียงหัวเราะสนุกสนาน  แต่แท้จริงแล้วชื่อเดิมของต้นโศกคือ  ต้นอโศก  ที่มีความหมายตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

 

3.มะละกอ

เมื่อออกเสียงคำว่า  มะละกอ  คำว่า  มะละ  จะใกล้เคียงกับคำว่า  มรณะ  ที่แปลว่า  ตาย  อีกทั้งเมื่อเทียบเคียงกับความหมายที่สื่อถึงได้ก็จะเปรียบเหมือนกับความแตกแยก  การละทิ้งจากเผ่าจากกอ  ดังนั้น  การนำมะละกอมาปลูกไว้ในบ้าน  จึงเชื่อกันโดยมากว่าจะทำให้คนในบ้านเกิดการแตกแยก  ไม่รักใคร่สามัคคี  ครอบครัวจะไม่เป็นครอบครัว  จะต่างคนต่างอยู่  และจะมีไม่พ้นเรื่องการขัดแข้งการมีปากเสียง  จะทำให้บ้านอยู่อย่างไม่มีความสุข  แต่หากต้องการปลูกสามารถปลูกบริเวณรั้วด้านนอกของบ้านได้

 

4.ต้นเต่าร้าง

ด้วยความที่ชื่อนั้นสื่อความหมายได้ถึงการร้างรา  และความโดดเดี่ยวเงียบเหงา  จึงไม่นิยมนำมาปลูกไว้ในบ้าน  เพราะเชื่อว่าจะทำให้ต้องอยู่อย่างลำพัง  ขาดความรักความเมตตาจากผู้คน  รวมถึงอาจทำให้คู่สามีภรรยาต้องมีอันจบสิ้นด้วยการหย่าร้างเกิดขึ้น

 

5.ต้นชบา

ถึงแม้ว่าชบาจะออกดอกที่มีสีสันสวยงามเพียงไร  แต่ตามความเชื่อของคนไทยเชื่อกันว่า  ไม่ควรที่จะปลูกชบาไว้ในบ้าน  ด้วยเหตุผลที่ว่าเมื่อสมัยโบราณนั้น  ดอกชบาถูกใช้เป็นเครื่องหมายประจานชายหญิงที่ทำผิดประเวณี  รวมถึงการใช้กับนักโทษที่ต้องเข้าแดนประหาร  ดังนั้นการปลูกชบาไว้ในอาณาบริเวณบ้าน  จึงเชื่อกันมาว่าจะทำให้ผู้อยู่อาศัยต้องตกเป็นชู้หรือไม่สมหวังในรัก

 

6.ต้นมะรุม

การปลูกต้นมะรุมไว้ในบริเวณที่อยู่อาศัย  หรือในบริเวณอาคารสำนักงาน  เชื่อว่าจะทำให้เกิดแต่เรื่องเดือดร้อนวุ่นวายกระหน่ำเข้ามาให้แก้ไขอยู่ตลอดเวลา  ต้องอยู่บนความเหนื่อยยาก  เต็มไปด้วยความกลุ้มใจ  หาความสุขความสงบได้ยาก  เพราะด้วยชื่อที่สื่อความหมายไปในทางที่ไม่ดีนั่นเอง  ไม่ว่าจะไปคล้องจองกับรุมเร้า  หรือมะรุมมะตุ้ม

 

7.ต้นนางแย้มป่า

มีความเชื่อมาตั้งแต่ครั้งโบราณแล้วว่า  ไม่ควรปลูกต้นไม้ชนิดนี้ไว้ในบ้าน  หากผู้ใดนำเอาปลูกจะเกิดแต่เรื่องเลวร้ายอัปมงคลขึ้นอยู่เสมอ  เพราะต้นนางแย้มป่านั้น  เชื่อกันว่าเป็นต้นที่มีภูตผีสิงอยู่  บางครั้งอาจทำให้เกิดความตื่นกลัวแก่ผู้อาศัยจนเสียขวัญ  หรือเจ็บป่วยจับไข้ได้

 

8.ต้นชวนชม

เป็นต้นไม้ที่มองได้  2  ความหมาย  มีทั้งแง่ดีและไม่ดี  แต่ทั้งนี้มีความเชื่อกันโดยมากว่าไม่ควรปลูกไว้ในบ้าน  เพราะจะทำให้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านมีแต่คนมารุมรักชอบจนเกิดความเสื่อมเสีย  ครอบครัวจะมีปัญหาเรื่องมือที่สาม  หรือไม่หากเป็นบ้านที่มีเด็กสาว ๆ อยู่ก็อาจมีเรื่องประเภทชิงสุกก่อนห่ามเกิดขึ้น  ดังนั้น  หากจะปลูกเพราะเชื่อว่าให้ความหมายในทางที่ดี  คือมีคนมาชอบมาเอ็นดู  และเมตตาช่วยเหลือควรปลูกไว้ที่ริมรั้วด้านนอกบ้าน

 

9.ต้นงิ้ว

ที่ได้กล่าวถึงตามความเชื่อของจีนนั้น  การปลูกต้นงิ้วไว้จะช่วยเสริมให้ได้รับแต่ความเจริญรุ่งเรือง  ซึ่งนั่นก็ค่อนข้างตรงกับความเชื่อของไทย  หากว่าปลูกไว้ในอาณาบริเวณของกิจการหรือที่ทำงาน  แต่ไม่ควรนำมาปลูกไว้ในส่วนของบ้านที่อยู่อาศัย  เพราะคนไทยเชื่อว่าต้นงิ้วนั้นเป็นเครื่องหมายของการคบชู้  หรือการนอกใจ  อาจทำให้ความรักภายในบ้านสั่นคลอนได้

 

10.ต้นระกำ

ด้วยชื่อเรียกที่สื่อความหมายไปในทางที่ไม่ดี  บอกถึงความทุกข์ระกำช้ำชอก  คนไทยจึงไม่นำต้นระกำเข้ามาปลูกไว้ในอาณาบริเวณบ้าน  เพราะเชื่อว่าชื่อที่สื่อความหมายทางลบเช่นนั้น  จะทำให้ชีวิตต้องอยู่อย่างทนทุกข์  หาความสุขไม่ได้

 

11.ต้นตะเคียน

มีความเชื่อกันมานานว่าภายในต้นตะเคียนจะมีวิญญาณสิงสถิตอยู่  การนำมาปลูกไว้ภายในบ้านจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรเลย  เพราะอาจจะทำให้คนที่อยู่อาศัยเกิดอาการหลอน  หรือตื่นกลัวได้  หากบังเอิญไปทำอะไรผิดพลาดกับต้นไม้เข้า  หรือมีสัมผัสมองเห็นวิญญาณ

 

12.ต้นโพธิ์ ต้นไทร  และต้นสำโรง

ด้วยความที่เป็นต้นไม้ใหญ่  และเป็นต้นที่เชื่อกันว่ามีเทพเทวดาสิงสถิตอยู่  จึงถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์  การปลูกต้นไม้จำพวกนี้ก็ควรต้องปลูกให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม  มีความศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน  อย่างในวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำมาปลูกในบ้าน  ถึงแม้ว่าต้นไม้จำพวกนี้จะไม่ได้ให้ความอัปมงคลใด ๆ ก็ตาม

 

13.ต้นน้ำเต้า  มะเฟือง

ด้วยลักษณะรูปร่างของมันที่คล้ายกับอวัยวะเพศชาย (มะฟือง)  และหน้าอกผู้หญิง (น้ำเต้า)  จึงเชื่อกันว่าการนำมาปลูกไว้ภายในบริเวณบ้านจะทำให้เกิดแต่ความเสื่อมถอย  อำนาจบารมีจะถูกลิดรอน  หากเป็นคนมีของอาจทำให้เสื่อมและลดความขลังได้

 

14.ต้นสลัดได

เชื่อกันมานานแล้วว่า  การปลูกต้นสลัดไดไว้ในบริเวณบ้าน  จะเป็นการสลัดเอาสิ่งดี ๆ ที่กำลังจะเข้าบ้านออกไปหมดสิ้น  ทำให้บ้านที่อยู่อาศัยต้องเผชิญกับเคราะห์ไม่ดีอยู่เสมอ  คนในบ้านมักจะได้รับความเดือดร้อนวุ่นวายไม่ว่างเว้น  เรียกได้ว่าจะอยู่อย่างไม่มีความสุข

 

15.ต้นมะกอก

การออกเสียงชื่อของต้นมะกอก  จะไปพ้องกับคำว่ากลิ้งกลอก  จึงเกิดความเชื่อว่าไม่ควรนำปลูกไว้ในบ้าน  โดยเฉพาะในบ้านที่มีผู้อาศัยทำงานเป็นเจ้าคนนายคน  เพราะจะทำให้ความน่าเกรงขามหายไป  ขาดความเคารพนับถือจากผู้คนอย่างที่ควรจะเป็น  หรือไม่คนที่อยู่อาศัยก็มักจะถูกมองว่าเชื่อไม่ได้  จิตใจไม่แน่นอน  โลเล

 

16.ต้นรุ่ย

ความหมายของชื่อ “รุ่ย”  ที่สื่อถึงความไม่มั่นคง  ขาดรุ่ย  การนำมาปลูกไว้ที่บ้านจึงเชื่อว่าจะทำให้บ้านนี้ขาดความอุดมสมบูรณ์เงินทองไม่มีเหลือเก็บ

 

17.ต้นมะขามเทศ และต้นหวาย

ลักษณะรูปร่างของต้นที่มีหนามแหลม  การนำต้นไม้ที่มีความแหลมคมมาปลูกที่บ้าน  คนไทยเชื่อว่าจะมีแต่อุปสรรคเข้ามาอยู่ตลอดชีวิต  ที่อยู่อาศัยในบ้านนั้นก็จะรุ่มร้อน  ไม่มีความสุข  เสมือนถูกหนามแหลมคมของต้นไม้ที่ปลูกคอยทิ่มตำอยู่ตลอดเวลา

 

18.ต้นรักเร่

ความหมายของชื่อที่สื่อว่า  ต้องเร่ขายรักไปเรื่อย ๆ การปลูกต้นไม้ชนิดนี้จึงเชื่อว่า  จะทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยมักอาภัพรัก  ไม่มั่นคง  และเจ้าชู้

 

19.ต้นพุดตาน

ลักษณะการออกดอกของต้นพุดตานที่มีการเปลี่ยนสีตลอดทั้งวัน  คนไทยจึงเชื่อว่าหากนำมาปลูกไว้ในบ้าน  จะทำให้คนในบ้านขาดความน่าเชื่อถือ  จิตใจก็ไม่แน่นอน  การตัดสินใจไม่เด็ดขาด  และก็อาจต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้คนอื่นมากกว่าที่จะได้อยู่เหนือคนอื่น  เหมือนสีของดอกไม้ที่เปลี่ยนไป  เพราะต้องขึ้นอยู่กับเรื่องของเวลา