วันพฤหัสบดี, 12 ธันวาคม 2567

3 ไม้มงคลยอดนิยม ปลูกแล้วเสริมความเป็นมงคลแก่คนในบ้าน

กวนอิมเงิน  กวนอิมทอง ขนุนและ โป๊ยเซียน 3 ไม้มงคลยอดนิยม ที่มีความเชื่อมาแต่โบราณว่าปลูกแล้วเสริมความเป็นมงคลแก่คนในบ้าน อย่างไรก็ตามขึ้นชื่อว่าเป็นต้นไม้ และคนในบ้านดูแลเป็นอย่างดี ไม่ปล่อยให้เหี่ยวเฉาตายไป ก็นับได้ว่าเป็นการสร้างความสดชื่นให้แก่คนในบ้านได้อย่างอัศจรรย์อย่างไม่ต้องสงสัยกันเลย ต้นไม้นานาพันธุ์ที่มีชื่อเรียกขานที่ดี  มีลักษณะที่ดีหรือมีความเชื่อที่เล่าขานกันมาแต่โบราณว่าต้นไม้ชนิดนี้ดีไม่ดีอย่างไร  ก็ล้วนแต่ได้สร้างความเชื่อเรื่องการเสริมมงคลให้กับบ้านและตัวบุคคลเรื่อยมาตราบจนวันนี้

 

 

1.กวนอิมเงิน  กวนอิมทอง

เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก  รอบลำต้นจะมีใบเล็ก ๆ ลักษณะยาวเรียวปลายแหลมขึ้นล้อมเรียงสลับกัน  โดยถ้าที่บริเวณแถบของใบเป็นสีเทาเหลือบ  ก็แสดงว่าเป็นกวนอิมเงิน  แต่หากแถบใบเป็นสีเหลืองนั่นก็คือกวนอิมทอง

ความเป็นมงคล

ด้วยความที่เป็นไม้มีชื่อเป็นมงคล  เพราะไปตรงกับชื่อของเทพเจ้าที่ทั้งชาวไทยและชาวจีนให้ความนับถือ  ทั้งยังเป็นไม้ที่กำเนิดมาตั้งแต่โบราณ  ที่มักจะถูกนำไปใช้ในพิธีสำคัญ ๆ คู่กันทางศาสนา  โดยเฉพาะกับการใช้ไหว้บูชาพระโพธิสัตว์  จึงเชื่อว่าหากได้ปลูกต้นกวนอิมเงิน  กวนอิมทอง  คู่กันไว้ในบริเวณบ้าน  ความเป็นอยู่ภายในจะมีความสุขสบายมากขึ้น  ฐานะการเงินจะค่อย ๆ มั่งคั่งขึ้นตามลำดับ  เพราะถือกันว่าเป็นไม้เรียกทรัพย์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสมาชิกภายในบ้านประกอบกิจการค้าขายก็จะส่งผลที่ดีนัก  เพราะจะช่วยให้ราบรื่นมีโชค  ค้าขายได้คล่อง  และเพียงไม่นานนักฐานะความเป็นอยู่ก็จะอุดมไปด้วยทรัพย์อย่างมหาศาล

Tips : เพื่อให้เกิดมงคลอย่างบริบูรณ์จากการปลูกกวนอิมเงิน – กวนอิมทอง  เชื่อว่าต้องปลูกตามเคล็ดดังนี้

  1. ต้องปลูกคู่กันไว้ทางทิศตะวันออกของบ้าน เพราะแสงแดดยามเช้าจะช่วยให้ต้นไม้งอกงามดี และเมื่อต้นงอกงามได้สวยก็จะสามารถเสริมมงคลให้กับบ้านได้
  2. วันอังคารเป็นวันที่เหมาะแก่การปลูกกวนอิมเงิน – กวนอิมทอง เพราะเป็นไม้ที่ให้ใบ และการปลูกเอาใบให้ได้ความสวยงาม  โบราณเชื่อว่าวันอังคารเป็นวันที่ปลูกไม้ใบได้ผลดีที่สุด

 

2.ขนุน

เป็นไม้ขนาดใหญ่ให้ผลที่รับประทานได้  มีหลากหลายสายพันธุ์  แต่ที่นิยมปลูกกันมาก  ได้แก่  พันธุ์จำปาดะ  ขนุนเนื้อ  และขนุนหนัง  คนไทยเริ่มปลูกขนุนมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย  โดยลักษณะทั่วไปของต้นขนุนก็คือ  ลำต้นที่เป็นผิวเรียบสีออกเทา ๆ ผลจะออกอยู่ที่บริเวณโคนลำต้น

ความเป็นมงคล

ด้วยชื่อเรียกที่พ้องกับความหมายอันสื่อถึงการสนับสนุน  หรือการเกื้อหนุน  คนไทยจึงมีความเชื่อแต่โบราณว่า  หากได้ปลูกขนุนไว้ในบริเวณบ้าน  จะได้รับความเป็นมงคลเหมือนกับชื่อ  ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยภายในบ้านคิดจะทำการใดก็จะได้รับแรงสนับสนุนที่ดี  สามารถประสบความสำเร็จในหน้าที่ต่าง ๆ ได้โดยง่าย  รวมไปถึงเรื่องต่าง ๆ อย่างความเป็นอยู่  ฐานะ  โชคลาภ  ก็จะได้รับการหนุนนำให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

Tips : เพื่อให้เกิดมงคลอย่างบริบูรณ์จากการปลูกขนุน  เชื่อว่าต้องปลูกตามเคล็ด  ดังนี้

  1. ควรปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน
  2. วันที่ดีที่เป็นมงคล เชื่อว่าต้องปลูกในวันจันทร์  หรือวันพฤหัสบดี
  3. ต้องให้ผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเป็นคนลงมือปลูก

 

3.โป๊ยเซียน

เป็นไม้ดอกประเภทยืนต้น  บริเวณลำต้นจะเต็มไปด้วยหนามแหลมคม  ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียว  ดอกมีหลากสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์  เมื่อออกดอกจะออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง  ซึ่งในแต่ละช่อจะนับดอกย่อยเป็นคู่โดยสามารถนับได้มากสุดถึง  56  คู่

ความเป็นมงคล

เชื่อกันว่าเป็นไม้มงคล  ถ้าได้ปลูกเลี้ยง  ดูแลโป๊ยเซียนไว้ภายในบ้าน  แล้วออกดอกสวยงามอย่างสม่ำเสมอ  โดยเฉพาะหากนับได้  8  ดอก  นั่นหมายถึงว่าสมาชิกที่อยู่อาศัยในบ้านหลังนั้น  กำลังจะได้รับโชคลาภที่ดี  อาจถูกลอตเตอรี่  ได้รับเงินก้อนโต  หรือกำลังจะมีข่าวดีเกี่ยวกับหน้าที่การงาน  และด้วยความที่เป็นไม้แห่งเทพ  8  องค์  สิ่งที่ได้นอกเหนือจากความเป็นมงคลในการให้โชคลาภแก่คนในบ้านแล้ว  โป๊ยเซียนยังเปรียบเหมือนเป็นตัวแทนของเทพทั้ง 8  ในการช่วยปกปักรักษาทุกคนในบ้านให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข  ความร่มเย็นอีกด้วย

Tips : เพื่อให้เกิดมงคลอย่างบริบูรณ์จากการปลูกโป๊ยเซียน  เชื่อว่าต้องปลูกตามเคล็ด  ดังนี้

  1. ผู้ที่ลงมือปลูกควรเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนขึ้นไป อาจเป็นญาติหรือเป็นคนมีอายุที่คนในบ้านต่างให้ความนับถือ
  2. ควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบ้าน
  3. วันพุธคือวันที่ดีเป็นมงคลยิ่งสำหรับการลงโป๊ยเซียน

 

ไม้ประดับที่เหมาะกับการปลูกภายในอาคารบ้านเรือน

ไม้ประดับที่เหมาะสำหรับการปลูกประดับไว้ภายในอาคาร  บ้านพัก  หรือในที่ร่ม  ควรจะเป็นต้นไม้ประเภทไม้ดอกไม้ใบ  ที่นอกจากจะให้ความสวยงามในเรื่องของสีสันและรูปทรงต่าง ๆ ของดอกของใบแล้ว  ไม้ประเภทนี้ยังสามารถอยู่ได้ทน  ล้มตายยากเลี้ยงดูง่าย  และปรับสภาพเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่อยู่ได้ดี ไม้ใบจะมีลักษณะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์  แต่การจะพิจารณาถึงความสวยงามของไม้ใบเพื่อนำมาประดับภายในอาคารนั้น  ส่วนใหญ่ก็จะเลือกโดยดูได้จากลักษณะของใบ  ดังต่อไปนี้

  • รูปร่างของใบเป็นทรงเช่นไร  เหมาะสมกับสถานที่หรือไม่  ใบใหญ่เกินไปทำให้เกะกะพื้นที่ใช้สอยหรือเปล่า
  • เนื้อของใบมีความสมบูรณ์ตามพันธุ์ดีหรือไม่  มีใบแตกแห้งเสียหายหรือไม่อย่างไร
  • สีสันและลวดลายของใบตรงกับใจที่ชอบหรือเปล่า
  • ลวดลายของเส้นใบมีความชัดเจนถูกต้องดี
  • การเรียงตัวของใบ  เรียงตัวซ้อนกันอย่างสวยงามหรือเปล่า  และเมื่อใบใหม่ ๆ แตกออกมาจะงอกไปในทิศทางใด  จะต้องตกแต่งเช่นไรถึงจะดูสวยงามไม่รกตา

 

เมื่อตกลงเลือกไม้ประดับได้สมใจแล้ว  ก็ถึงเวลาที่จะนำมาลงในสถานที่จริง  ซึ่งมีวิธีการปลูกไม้ใบประดับภายในอาคารนั้น  อันดับแรกควรต้องคำนึงถึงพันธุ์ของไม้ประดับนี้เสียก่อนว่า  เป็นไม้ขนาดเล็กหรือใหญ่  การเติบโตเป็นอย่างไร  เป็นเถาเลื้อย  หรือเป็นพุ่มธรรมดา  จากนั้นจึงมาพิจารณาเลือกวัสดุหรือกระถางที่จะใช้ปลูกเลี้ยง  ซึ่งวิธีการปลูกไม้ประดับภายในอาคารมีอยู่ 3 แบบ คือ

  1. ปลูกลงในกระถาง และกระถางที่เหมาะสำหรับไม้ประดับภายในอาคาร ก็คือ  กระถางดินเผา  เพราะสามารถถ่ายเทระบายอากาศได้ดีกว่าเนื้อกระถางที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ ช่วยให้รากให้เน่าได้ง่าย  ส่วนเรื่องของรูปทรงและขนาดนั้นก็ขึ้นอยู่กับทรงและขนาดของต้นไม้  ต้นใหญ่กระถางก็ใหญ่  ต้นเล็กกระถางก็เล็ก  หากการเติบโตของต้นไม้มีลักษณะสูงตรงขึ้นไป  เช่น  ไผ่  ไทร  สาวน้อยประแป้ง  หวายเขียว  หรือพิกุล  ก็ควรเลือกใช้กระถางทรงสูง  แต่หากการเติบโตของไม้ประดับเป็นไปในลักษณะแบบทอดเลื้อย  หรือเป็นพุ่มเตี้ย  อาทิ  ราชินีหินอ่อน  เศรษฐีเรือนนอกเรือนใน  หรือเฟิร์นต่าง ๆ ก็ควรเลือกใช้กระถางทรงเตี้ย ๆ
  2. ปลูกลงในแห่งเพาะชำ ซึ่งแท่งเพาะชำสำเร็จรูปนี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายต้นไม้ทั่วไป โดยแท่งเพาะชำจะมีลักษณะเป็นแท่งใช้แทนก้อนดิน  ที่ส่วนบนของแท่งจะมีรูสำหรับเอาไว้ใส่เมล็ดปลูก  หรือเอาไว้สำปรับปักชำ  สามารถใช้ปลูกไม้ประดับได้ดีทุกชนิด  และยังใช้ได้ง่าย  ไม่เลอะเทอะเหมือนใช้ดิน  อีกทั้งยังไม่ต้องห่วงเรื่องการดูแลให้น้ำให้ปุ๋ย  เพราะแท่งเพาะชำนี้บรรจุธาตุอาหารที่จำเป็นแก่ต้นไม้อยู่อย่างครบ  พร้อมประกอบกับอุ้มความชื้นได้ดี  การรดน้ำให้ปุ๋ยจึงสามารถเว้นช่วงได้ระยะนานกว่าการปลูกในดิน  การปลูกต้นไม้ด้วยวิธีนี้จึงสามารถทุ่นเวลาการเอาใจใส่ไปได้เยอะทีเดียว