ในกลุ่มประชากรที่อายุเกิน 45 ปี มีแนวโน้มเป็นเส้นเลือดสมองตีบ เส้นเลือดหัวใจตีบมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยง คือ กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง, ผู้ที่มีอายุเกิน 45 ปี, สูบบุหรี่, เครียด, ไม่ออกกําลังกาย ควรมาตรวจเช็คเส้นเลือดสมองตีบตัน
นายแพทย์ประชา กัญญาประสิทธิ์ ศัลยแพทย์ระบบประสาทและสมอง ได้กล่าวถึงโรคหลอดเลือดสมองว่า “การไม่มีอาการ ไม่ได้บอกว่าไม่เป็นเส้นเลือดสมองตีบ”
เพราะมีตัวอย่างคนไข้คุณหมออายุ 66 ปี มีประวัติความดันโลหิตสูง และเป็นโรคเบาหวาน ได้รับคําแนะนําจากคุณหมอ ให้มาตรวจประเมินภาวะเสี่ยงต่อเส้นเลือดสมองตีบตัน โดยผลการตรวจพบว่า มีหินปูนเกาะผนังหลอดเลือดแดงที่คอ และเส้นเลือดในสมองตีบอีกหลายเส้น โดยที่คนไข้ไม่มีอาการใด ๆ เลย
คุณหมอจึงให้ยาป้องกันตั้งแต่เนิน ๆ ก่อนเกิดอาการ เพื่อไม่ให้เส้นเลือดสมองตีบตัน ซึ่งอาจทําให้เกิดเป็นอัมพาต หรือสมองตายได้ในอนาคต ซึ่งโรคนี้ถ้ามีอาการ หมายถึงว่าเส้นเลือดสมองตันแล้ว ซึ่งต้องมาทําการรักษาโดยด่วนก่อน 4 ชม. ยิ่งมาเร็วเท่าไร โอกาสหายก็มากเท่านั้น แต่ถ้ามาไม่ทัน ก็มีโอกาสพิการสูงเลยทีเดียว
อาการที่ต้องรีบมาโรงพยาบาลโดยด่วน
- อ่อนแรง แขนขา ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย
- ชาบริเวณแขน ขา ใบหน้า ข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย
- พูดสับสน มีปัญหาทางการสื่อสาร พูดไม่เข้าใจ
- ตามองไม่เห็น ข้างใดข้างหนึ่ง หรือซีกใดซีกหนึ่งของลานสายตา
- เวียนศีรษะ หรือปวดศีรษะอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- วิงเวียน ทรงตัวไม่อยู่ บางรายอาจเป็นลมหมดสติ
การมาโรงพยาบาลทันในเวลา 4 ชั่วโมง ก็สามารถรักษาได้ แต่ถ้ามาไม่ทัน ก็มีโอกาสเป็นอัมพาตหรือเสียชีวิตได้ หากรักษาเร็วเท่าไหร่ เท่ากับมีโอกาสหายมากเท่านั้น และการรู้ก่อน จะสามารถป้องกันโรคเส้นเลือดสมองตีบ เส้นเลือดหัวใจตีบได้