วันเสาร์, 27 กรกฎาคม 2567

10 เทคนิคการใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดสำหรับสาวๆ ยุคใหม่

02 ก.ค. 2017
1842

การใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด

 

 

หากคุณสามารถควบคุมหนี้บัตรเครดิตได้และก็กำลังเก็บหอมรอมริบโดยที่ไม่ลำบากอะไร รวมทั้งมีเงินเหลือพอให้ลงทุนอะไรอยู่บ้าง แสดงว่าคุณอยู่ในสถานะที่ดีพอใช้ คุณสามารถใช้จ่ายได้อย่างเสรี แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ต้องมีการใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดเกิดขึ้นด้วย

 

กฎเกณฑ์ง่ายๆในการช้อปปิ้ง 10 ประการ

1.ตั้งงบประมาณประจำปี

สำหรับการใช้จ่ายในเรื่องเสื้อผ้า เป็นเรื่องปกติหากเป้าหมายของคุณคือการหาเงินให้ได้มากขึ้นเพื่อซื้อเสื้อผ้าหรือรองเท้า แต่ก็ควรกำหนดขอบเขตเอาไว้บ้าง หญิงสาวที่ชาญฉลาดจะรู้ว่าเธอได้กำหนดค่าใช้จ่ายประจำปีเอาไว้แล้ว และสามารถใช้เงินส่วนนี้อย่างไรก็ได้ และเมื่อไหร่ก็ได้โดยไม่มีเรื่องอะไรที่จะสร้างความประหลาดใจให้เมื่อใบเสร็จค่าใช้จ่ายมาถึง

 

2.ย้ายของที่รกรุงรังออกเสียบ้าง

คุณมีตู้เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้า แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่มีเสื้อผ้าจะใส่บ้างไหม ก่อนที่คุณจะออกไปซื้อเสื้อผ้าใหม่มาเพิ่ม ให้สำรวจดูในตู้ว่ามีเสื้อผ้าตัวไหนบ้างที่แน่นิ่งไว้ในตู้โดยไม่ได้รับความสนใจเลย ปัญหาของการมีเสื้อผ้ามากเกินไปก็คือ คุณจะลืมว่าตัวเองมีอะไรบ้างท่ามกลางความรกรุงรัง มันน่าหงุดหงิดที่มารู้ทีหลังว่ากระโปรงบางตัวยังใช้ได้ดี หลังจากที่คุณซื้อตัวใหม่มาแล้ว และหากคุณเป็นคนที่เชื่อในเรื่องฮวงจุ้ยก็จะรู้ว่าผลดีของการจัดของที่รกรุงรังออกไปจากบ้านคือการเปิดทางให้พลังใหม่ๆไหลเข้ามาในบ้าน เช่นเดียวกันเหตุนี้สามารถใช้ได้กับเสื้อผ้าด้วย เมื่อคุณขจัดเสื้อผ้าเก่าออกไปแล้วจะทำให้มีเนื้อที่สำหรับสิ่งใหม่ๆ ดังนั้นหากคุณจะนำเสื้อผ้าใหม่เข้ามาเก็บ ก็ต้องกระจัดเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่ซัก 1 ปีออกไปเสียก่อน จงลืมคำว่า “ฉันอาจจะต้องการใส่มันในสักวันหนึ่ง” ไปก่อนเลย เพราะในความเป็นจริงแล้วคุณอาจไม่ได้ใส่มันอีกเลย ดังนั้นจงให้ใครนำไปทิ้งหรือพยายามที่จะขายมันทางออนไลน์ออกไปก็ได้

 

3.อย่าซื้อของด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

คุณเป็นนักช็อปที่ซื้อของด้วยอารมณ์ชั่ววูบหรือไม่ นี่เป็นตัวอย่างที่เราหลายคนอาจนึกออก คุณมีวันทำงานที่แสนจะเหนื่อยล้ามาจากที่ทำงาน แล้วก็มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับใครบางคนเพื่อที่จะปลดปล่อยความรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจ คุณจึงตัดสินใจไปช้อปปิ้ งมันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เราต่างก็มีความสุขจากการได้ซื้อของใหม่ๆ แต่เมื่อคุณซื้อของด้วยอารมณ์อะไรก็ตามของที่คุณซื้อมันจะแพงกว่าปกติ สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการจะทำก็คือ หมดเงินไปกับเสื้อผ้าที่คุณจะไม่ใส่ หากคุณเป็นคนที่ซื้อของด้วยอารมณ์ชั่ววูบ และสิ่งสำคัญก็คือจะต้องตระหนักถึงอารมณ์ของคุณให้ดี แทนที่จะไปซื้อของในช่วงที่กำลังรู้สึกกดดัน ก็ให้โทรหาเพื่อนสักคนเพื่อออกไปเดินเล่นด้วยกัน อาจจะไปไปนั่งอ่านนิตยสารในร้านกาแฟแทนก้ได้ จงเป็นนักช็อปที่ฉลาดใช้จ่ายแทนที่จะเป็นนักช็อปที่ซื้อของด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

 

4.หาเพื่อนไปช้อปปิ้งด้วยสักคน

แต่ไม่ใช่ไปทั้งกลุ่ม การออกไป shopping กับเพื่อนผู้หญิงที่รู้ใจสักคนเป็นอะไรที่ดีมาก เพราะบางทีคุณอาจจะอยากได้ความเห็นจากใครสักคนที่บอกคุณอย่างตรงไปตรงมา แต่การช้อปปิ้งเป็นกลุ่มนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีนะ มันไม่เพียงแต่ทำให้คุณต้องเสียเวลาเพราะทุกคนต่างก็มีความคิดเห็นในการช็อปเป็นของตนเองและคุณก็จะถูกกระหน่ำด้วยความคิดที่หลากหลาย และอาจจะเต็มไปด้วยความขัดแย้งกัน คุณรู้ว่าพวกเขาเจตนาดี แต่สุดท้ายแล้วคำพูดของหลายๆคนจะทำให้คุณซื้อโดยที่ไม่คิดให้รอบคอบ ดังนั้นจงเก็บเพื่อนกลุ่มใหญ่ไว้เพื่อไปกินดื่มด้วยกันจะดีกว่า

 

5.เน้นการซื้อที่คุณภาพไม่ใช่ที่ปริมาณ

หญิงสาวที่ฉลาดใช้จ่ายจะเชื่อในการซื้อของจำนวนน้อยแต่มีคุณภาพ ของช่วงเริ่มต้นใหม่แต่ละฤดูกาลแม้ว่ามันจะล่อใจให้ซื้อของใหม่ๆทุกๆสัปดาห์ แต่มันไม่ใช่การใช้เงินอย่างชาญฉลาดและหากคุณซื้อด้วยอารมณ์ชั่ววูบ มันก็อาจจะทำให้ไม่ฉลาดทางแฟชั่นอีกต่างหาก มีผู้หญิงคนนึงที่มักจะซื้อเสื้อผ้าจากร้านค้าราคาถูกแต่จะใส่มันเพียงหนเดียวจากนั้น แล้วก็โยนมันทิ้งไป เธอทำอย่างนี้เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองมีเสื้อผ้าแบบล่าสุดสวมใส่อยู่ตลอดเวลา เธอเชื่อว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นไม่คุ้มแม้กระทั่งจะนำมาซัก เพราะมันถูกมากซึ่งอาจจะฉีกขาดได้อย่างง่ายดายเมื่อนำไปซัก และมันก็จะใช้ไปภายในไม่กี่สัปดาห์ เห็นได้ชัดว่าเธอมีเงินมากกว่าสมอง และหากคุณซื้อกระโปรงตัวใหม่ทุก 2 สัปดาห์และใส่แค่เพียงตัวละ 2 เดือน คุณก็ไม่ต่างอะไรกับเธอคนนั้น จงหาดูว่าอะไรที่เหมาะกับคุณ ให้ซื้อที่คุณภาพและประหยัดเงินไว้ ในส่วนนี้ยังไม่ต้องพูดถึงการลดจำนวนของที่คุณจะต้องทิ้งอีกต่างหาก

 

 

6.ซื้อสินค้าในช่วงลดราคา

มีเรื่องของเด็กผู้หญิงคนนึงที่เดินทางไปปารีส ในขณะที่เดินเล่นในย่านใจกลางเมือง ได้สังเกตเห็นป้ายที่หน้าต่างร้านค้าแห่งหนึ่งมีคำว่า “soldes!!” ในทีแรกคิดว่ามันเป็นชื่อของร้านค้าแห่งนั้น แต่หลังจากนั้นป้ายนี้ก็ปรากฏอยู่ทั่วไป แม้กระทั่งร้านของดีไซเนอร์ชื่อดัง เธอจึงได้รู้ตัวเองว่ามาอยู่ท่ามกลางเทศกาลลดราคาส่งท้ายฤดูกาล และก็อยู่ที่นครหลวงแห่งแฟชั่น ซึ่งกำลังกระหน่ำลดราคาและเขาก็ลดกันจริงๆ และเธอก็ได้ซื้อเสื้อผ้าที่ยังดูดีอยู่จนถึงทุกวันนี้ หากคุณชอบเสื้อผ้าสไตล์ของดีไซเนอร์ จงฝึกตัวเองให้รู้จักการรอจังหวะที่ร้านค้าลดราคา ซึ่งบอกได้เลยว่าฤดูแห่งการลดราคานั้นจะเริ่มต้นเร็วขึ้นทุกปี หากต้องการติดตามว่ามันจะเริ่มขึ้นเมื่อไร คุณก็สมัครรับอีเมลจากร้านค้าแห่งนั้นไว้ เพราะเขาจะเก็บรายชื่อไว้เป็นฐานข้อมูล และพวกเขาก็จะส่งข่าวถึงรายการลดราคาที่จะมาถึงและมักจะให้โอกาสคุณได้ซื้อก่อนลูกค้าทั่วไปด้วย

 

7.หลีกเลี่ยงการซื้ออย่างเร่งรีบ

ในช่วงพักกลางวัน คือเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่จะ shoping ก็คือช่วงเช้าของวัน ในขณะที่ยังไม่มีคนมาซื้อมากนัก เพราะรู้สึกว่าคนส่วนใหญ่ จะมีเวลาว่างมากพอที่จะซื้อของในแต่ละวันก็คือเวลาอาหารกลางวัน แต่หากคล้อยตามความรู้สึกนั้น คุณก็จะต้องแข่งกันซื้อกับขาช้อปที่ซื้ออย่างเร่งรีบ ซึ่งจะได้รับความช่วยเหลือจากพนักงานขายเพียงเล็กน้อย เพราะเขาก็กำลังยุ่งอย่างที่สุดอยู่เหมือนกัน และคุณก็จะรู้สึกว่ามันทุลักทุเลและบางทีก็อาจจะหิว และในขณะนั้นคุณจะไม่อยู่ในสภาวะที่ตัดสินใจอะไรได้ดี หากคุณรอช่วงเวลาที่ดีกว่านี้ก็จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า และสามารถตัดสินใจซื้อได้ดีกว่าและสุดท้ายอาจจะประหยัดเงินได้มากกว่าด้วย คุณคิดว่าการเปลี่ยนแปลงง่ายๆนี้จะมีผลต่อรายจ่ายต่อเดือนของคุณหรือไม่คำตอบคือมันมีผลแน่ๆ

 

8.ซื้อของที่เหมาะกับรูปร่างของคุณ

ในตอนนี้ไม่ใช่รูปร่างในฝันของคุณ มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงแต่มันก็ถึงเวลาแล้วที่คุณจะมีภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับรูปร่าง เราต่างก็ได้เคยเห็นสาวร่างท้วมที่สวมใส่เสื้อผ้าให้อยู่ในกางเกงที่ฟิตเปรี๊ยะดูแล้วไม่สบายเลย และเธอก็อาจคิดว่าเธอน่ารักทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วมันตรงกันข้าม ไม่ว่าคุณจะ ผอม ท่วม สูง หรือเตี้ย จงเลือกเสื้อผ้าที่จะช่วยส่งเสริมรูปร่าง คุณจะใส่เสื้อผ้าเหล่านั้นได้คุ้มค่ากว่าการซื้อเสื้อผ้าที่ใส่แล้วทำให้รู้สึกอึดอัด ด้วยหวังว่าสักวันหนึ่งคุณคงจะใส่มันได้พอดี อีกอย่างนึงหากคุณซื้อเสื้อผ้าเพียงเพื่อจะตามกระแสแฟชั่นทั้งๆที่มันไม่เหมาะกับตัวเอง จะทำให้คุณสูญเงินที่หามาได้อย่างลำบากยากเงินไปเสียเปล่าๆ

 

9.หากยังลังเลก็ไม่ต้องซื้อ

คุณเพิ่งลองสวมรองเท้าคู่หนึ่งและคุณก็ชอบมัน แต่ก็ยังไม่แน่ใจ การใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดก็คือ รอซัก 24 ชั่วโมงหรืออย่างน้อยก็รอจนคนซื้อของอย่างอื่นเสร็จหมดแล้ว จากนั้นจึงหันกลับไปที่รองเท้าอีกครั้ง เมื่อกลับไปแล้วคุณก็ยังไม่แน่ใจ ก็ให้ลองพาเพื่อนสักคนให้ช่วยออกความเห็นหรือยังไม่ต้องซื้อ และหากเลยเวลาไปอีกหน่อยมันก็อาจถูกนำมาลดราคาก็ได้ มันคุ้มที่จะลองเสี่ยงรอดู เพราะรองเท้าแบบใหม่ๆมันจะรอคุณอยู่เสมอ จงเตือนตนเองอย่างนี้ เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกว่าไม่แน่ใจที่จะซื้อของบางอย่างแล้ว มันเป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้ไม่น้อย มันทำได้ง่ายและใช้ได้ผลจริง หากคุณอยากได้มันจริงคุณก็คงไม่ลังเลที่จะซื้อตั้งแต่แรกหรอก

 

10.ซื้อของออนไลน์เพื่อประหยัดเวลา

หญิงสาวที่ฉลาดใช้จ่ายจะชอบใช้ของที่ลดราคา แล้ววิธีไหนล่ะที่คุณจะหาของลดราคาได้ดีไปกว่าการซื้อของออนไลน์ โดยที่ไม่ต้องแย่งกันเรียกร้องความสนใจจากพนักงานขาย คุณสามารถเลือกเวลาได้และประหยัดเงินได้มาก เพราะร้านค้าตัดพนักงานขายออกไปและลดค่าใช้จ่ายในการดูแลร้าน ดังนั้นต้นทุนทั้งหมดจึงต่ำกว่าร้านค้าปกติมาก แม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงจากการซื้อของที่เห็นแต่ภาพ หากว่าคุณรู้จักยี่ห้อสินค้าเป็นอย่างดีและคุณก็มีเสื้อผ้าจากดีไซเนอร์ยี่ห้อนี้อยู่ในใจของคุณอยู่แล้ว คุณก็น่าจะได้ของที่คุณได้ใช้แน่ๆ