วันพุธ, 11 ธันวาคม 2567

7 สถานที่ท่องเที่ยวของไทย สุดมหัศจรรย์ ธรรมชาติสร้างสรรค์

10 ก.ค. 2017
2531

เที่ยวไทย

 

ประเทศไทยเราย่อมไม่น้อยหน้า ที่ใดในโลกอยู่แล้ว กับเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่แฝงไปด้วยความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติมอบให้ และมากไปกว่านั้น ยังดังไปอีกหลาย ๆ ประเทศ จนนักท่องเที่ยวต่างขาติต้องพากันมาเที่ยวไม่ขาด ไม่ว่าจะเป็น ทะเลแหวก จ.กระบี่ , สามพันโบก จ.อุบลราชธานี , โขงสีปูนมูลสีคราม จ.อุบลราชธานี , และ ถ้ำน้ำบ่อผี จ.แม่ฮ่องสอน ที่ว่ากันว่า ขาโหดแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด และสถานที่อื่น ๆ อีก มีที่ไหนบ้างไปหาข้อมูลดี ๆ ก่อนไปเที่ยวกันเลย

 

ทะเลแหวก

 

1.ทะเลแหวก จ.กระบี่

ทะเลแหวก เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะปอดะ กลุ่มเกาะหน้าอ่าวพระนางใน จังหวัดกระบี่ เกิดจากอิทธิพลของน้ำขึ้นน้ำ ลงเมื่อถึงเวลาน้ำลดลงต่ำสุดในแต่ละวัน จะมองเห็นสันทรายของทั้ง 3 เกาะคือ เกาะหม้อ เกาะทับ และเกาะไก่ เป็นทะเลแหวกออกจากกันจนกลายเป็นหาดทรายขาวสะอาดเชื่อมทั้งสามเกาะเข้าด้วยกัน จนสามารถเดินจากเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่งได้

โดยเฉพาะในวันก่อนและหลังวันขึ้น 15 ค่ำราว ๆ 5 วัน จะเป็นช่วงที่น้ำลดระดับมาก ทำให้เห็นทะเลทรายสีขาวชัดเจน เป็นทัศนียภาพที่สวยงามแปลกตา จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวทะเลแหวกคือ เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม (ขอบคุณภาพ : https://th.wikipedia.org/)

 

สามพันโบก

 

2.สามพันโบก จ.อุบลราชธานี

สามพันโบก อยู่ที่อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี ในช่วงฤดูน้ำหลากจะเป็นแก่งหินขนาดใหญ่อยู่ใต้ แม่น้ำโขง แต่พอถึงช่วงน้ำแห้ง แก่งหินเหล่านี้จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาโชว์ความอัศจรรย์ คำว่า “โบก” แปลว่าลักษณะที่เป็นหลุมเป็นแอ่งในภาษาลาว สิ่งเหล่านี้เกิดจากกระแสน้ำที่พัดเอากรวดหินดินทรายมากัดเซาะแผ่นหินทรายจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่เล็กจำนวนมาก จนถูกเรียกว่า “สามพันโบก”

ความสวยงามของสามพันโบกนี้อยู่ที่รูปร่างหน้าตาอันเป็นที่ประหลาดใจของบรรดาแก่งหิน เพราะมันใหญ่บ้างเล็กบ้าง เป็นรูปตามแต่ที่พบเห็นและจะจินตนาการกันไป จนนักท่องเที่ยวต่างชาติและในประเทศไทยเองก็ขนานนามถึงความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งนี้ว่า เป็นแกรนแคนยอนเมืองไทยหรือ grand canyon แห่งแม่น้ำโขง (ขอบคุณภาพ : https://th.wikipedia.org/)

 

โขงสีปูนมูลสีคราม

 

3.โขงสีปูนมูลสีคราม จ.อุบลราชธานี

โขงสีปูนมูลสีคราม เป็นคำที่คนทั่วไปใช้เรียกปรากฏการณ์ที่แม่น้ำทั้งสองสายนี้ไหลมาบรรจบกันที่บริเวณดอนด่าน ปากแม่น้ำมูลอำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี แม่น้ำมูลที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงมีสีคราม ส่วนน้ำในแม่น้ำโขงมีสีขุ่นคล้ายปูน ทำให้บริเวณนี้กลายเป็นแม่น้ำสองสี โดยเฉพาะในเดือนเมษายนจะเห็นสีของแม่น้ำทั้งสองสายไหลมาบรรจบกันอย่างเห็นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะค่อยๆรวมกันเป็นสีเดียวบริเวณลาดริมฝั่งแม่น้ำโขงและแม่น้ำมูลหน้าวัดโขงเจียม ถือเป็นจุดชมวิวที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด (ขอบคุณภาพ : https://ubonattractions.wordpress.com)

 

ถ้ำน้ำบ่อผี

 

4..ถ้ำน้ำบ่อผี จ.แม่ฮ่องสอน

ถ้ำน้ำบ่อผี เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และแวดล้อมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านชาวเขาเผ่ามูเซอดำ บ้านลุกข้าวหลาม อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน

เรื่องเล่าของถ้ำน้ำบ่อผีมีอยู่ว่าเมื่อราว 30 ปีก่อน ชาวมูเซอดำคนหนึ่งออกไปล่าสัตว์ และได้พบปล่องถ้ำขนาดใหญ่มีลักษณะเหมือนบ่อน้ำ มีกำแพงหินสูงชันรอบด้าน ไม่มีเส้นทางเข้าออกจากด้านล่าง ต้องใช้วิธีโรยตัวจากปากถ้ำเท่านั้น

ในแง่ภูมิศาสตร์ “ถ้ำน้ำบ่อผี” เกิดจากการยุบตัวลงของพื้นเปลือกโลกเป็นเวลานานหลายล้านปี เหตุที่ถูกเรียกว่า “ถ้ำ” นั้นเป็นเพราะด้านล่างมีโถงสูงใหญ่ โดยมีปากหลุมกว้างกว่า 100 เมตร ลึกประมาณ 200 เมตร ด้านบนของถ้ำ จะมีหินงอกหินย้อยลักษณะเป็นรูปทรงกรวยแหลมแตกต่างจากถ้ำแห่งอื่นๆ คำว่า “น้ำบ่อ” เกิดจากการโยนหินลงไปก้นบ่อ แล้วมีเสียงสะท้อนขึ้นมา คล้ายการโยนหินลงไปในบ่อน้ำส่วนคำว่า “ผี” มาจากการที่บริเวณก้นบ่อ มีพันธุ์ไม้นานาชนิดที่หาดูได้ยากขึ้นหนาแน่นและสีเขียวสดตลอดปี ต่างจากป่าด้านบน จึงนำมาสู่ความเชื่อเรื่อง “ผี” ที่สิงสถิตและปกปกปักษ์รักษาป่าถ้ำแห่งนี้ จึงมีชื่อว่า “ถ้ำน้ำบ่อผี” ด้วยเหตุนี้

หากใครต้องการชื่นชมความงามบนลึกลับของถ้ำแห่งนี้ ต้องเดินขึ้นไปบนทางชันสูงสูดของปากหลุม จากนั้นต้องใช้วิธีโรยตัวลงไปชื่นชมความมหัศจรรย์ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านล่าง หลังการชมเสร็จก็ต้องไต่เชือกขึ้นมา ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยนักท่องเที่ยวจึงควรไปกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น (ขอบคุณภาพ : http://www.ท่องทั่วไทย.com/ถ้ำน้ำบ่อผี-ปางมะผ้า-แม่ฮ่องสอน/)

 

บ่อเกลือสินเธาว์ภูเขา

 

5.บ่อเกลือสินเธาว์ภูเขา จ.น่าน

“บ่อเกลือ” เป็นชื่อของอำเภอหนึ่งในจังหวัดน่าน ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่มีบ่อน้ำเกลือที่ใช้ผลิตเกลือสินเธาว์ และเป็นเกลือภูเขาแห่งเดียวในโลก

มีเรื่องเล่าตั้งแต่อดีตก่อนที่จะมีหมู่บ้านเกิดขึ้นว่า ภายในพื้นที่รอบๆอำเภอนี้เป็นป่ารกทึบมาก่อน และเคยมีบ่อน้ำเกลือสินเธาว์มากถึง 9 บ่อ วันหนึ่งมีนายพรานเข้ามาล่าสัตว์และสังเกตเห็นว่าพวกสัตว์ต่างพากันมากินน้ำที่นี่ จึงได้ลองชิมดูก็พบว่า น้ำมีรสเค็มและสามารถนำมาทำเป็นเกลือได้

ปัจจุบันบ่อน้ำเกลือนี้เหลืออยู่เพียง 2 บ่อเท่านั้น ซึ่งมีกฎสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้าไปชมว่า “ห้ามขึ้นไปเหยียบบนขอบบ่อ” ให้ชะโงกหน้าลงไปดูเท่านั้น

ส่วนวิธีการทำเกลือนั้น เริ่มจากการตักน้ำในบ่อเกลือขึ้นมา แล้วพักน้ำไว้ในบ้าน ให้สิ่งเจือปนตกตะกอน แล้วจึงนำมาต้มในกระทะอีก 4 ชั่วโมงจนเกลือตกผลึก จากนั้นตักขึ้นมาพักพร้อมให้สะเด็ดน้ำ นำไปเติมสารไอโอดีนแล้วบรรจุใส่ถุงจำหน่าย (ขอบคุณภาพ : https://www.youtube.com/watch?v=NbVeOomDPCo)

 

เกาะตาปู

 

6.เกาะตาปู จ.พังงา

เกาะตาปู บรรดานักท่องเที่ยวจะรู้จักกันดีในชื่อ “james bond island” “เกาะตาปู” มีความแปลกประหลาดและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จึงเข้าตาทีมงานภาพยนตร์ระดับโลกเรื่อง “เจมส์บอนด์ ตอนเพชฌฆาตปืนทอง” จนต้องบินมาถ่ายทำที่นี่เลยทีเดียว

ลักษณะเด่นของเกาะตาปูคือ เป็นเกาะโขดหินยักษ์ปักเด่นสง่าอยู่ในทะเล บริเวณปากอ่าวพังงา หากมองจากระยะไกลจะเห็นเป็นโขดหินสูงชะลูดเหนือพื้นน้ำ ส่วนบนโปนออกและคอดกิ่วลงบริเวณฐาน เหมือนตาของปู

อย่างไรก็ตามเกาะตาปูเป็นภูเขาหินปูนที่ถูกน้ำกัดกร่อนได้ง่าย ส่วนที่จมอยู่ใต้ทะเลถูกน้ำกัดเซาะเป็นเวลานานนับล้านปี จึงจะกร่อนและมีขนาดเล็กกว่าส่วนบนหลายเท่า อีกทั้งบรรดาหอยนางรม เพรียง และปู ยังชอบขุดเจาะชิ้นเนื้อ ทำให้ปัจจุบันเกาะตาปูกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามเพราะมีแนวโน้มที่จะพังครืนลงมาในอนาคตอันใกล้ (ขอบคุณภาพ : https://th.wikipedia.org/)

 

เกาะเขาพิงกัน

 

7.เกาะเขาพิงกัน จ.พังงา

เกาะเขาพิงกัน ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา เป็นเกาะที่มีภูเขาซึ่งเกิดจากชั้นหินเอียงมากและเลื่อนตัวแยกออกจากกันเป็นสองส่วน โดยบริเวณฐานกว้างและค่อยๆแคบเข้าหากันจนบริเวณยอดเขาติดกัน เหมือนกับว่าเห็นทั้งสองพิงกัน ภายในมีการสะสมตัวของทรายจนตื้นเขินพ้นระดับน้ำทะเล กลายเป็นสันดอนทราย ซึ่งเชื่อมเกาะทั้งสองให้เป็นเกาะเดียวกัน (ขอบคุณภาพ : https://pantip.com/topic/32340725)