วันเสาร์, 27 กรกฎาคม 2567

เสือโฮมสิ้นกรรม เมื่อพบกับแสงสว่างแห่งธรรมด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

บ้านแหลมไผ่ ตำบลทุ่งโพธิ์ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี คือลำเนาถิ่นเกิดของเสื่อโฮม หรือ นายคำภู จันทราสมุทร ในวัยเด็กเสือโฮมส่อแววของคนดื้อรั้นและการเกเรไม่ฟังใคร เรียนหนังสือพออ่านออกเขียนได้ก็ออกจากโรงเรียนตามใจชอบ มาเที่ยวสนุกสนานเฮฮาเป็นหัวโจกของเด็กๆ ในหมู่บ้านซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน มิไยพ่อแม่จะดุด่าว่ากล่าวอย่างไรโฮมก็เอาหูทวนลมเสีย

 

 

อายุได้ 13 ปี แววของอาชญากรก็เริ่มฉายชัด เมื่อโฮมแทงเพื่อนบ้านรุ่นที่ตายคาที่ ทั้งๆ ที่สาเหตุมาจากการทะเลาะวิวาทมีปากเสียงกันเท่านั้น แต่โฮมก็รอดคุกตะรางมาได้เพราะอายุน้อยยังเป็นวัยเยาว์ แทนที่โฮมจะเกิดสำนึกผิดเสียใจในการกระทำของตน กลับฮึกเหิมหยิ่งทะนงว่าตนเองเป็นคนเก่ง มีใจนักเลง กล้าแม้กระทั่งฆ่าผู้อื่น ยิ่งชาวบ้านมีความเกรงกลัวในความประพฤติชั่วของตน เพราะแต่ละคนไม่อยากมีเรื่องมีราวข้องแวะด้วย โฮมกลับคิดว่าตนยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าใครๆ ในหมู่บ้าน

 

เมื่อโฮมมีอายุเข้าวัยรุ่นเต็มตัว เขาก็กลายเป็นอันธพาลเลวร้ายหนักเข้าไปอีก มักมีเรื่องตีรันฟันแทงกับพวกเกเรด้วยกันเป็นประจำ ความที่เป็นคนโมโหร้ายและใจเหี้ยมทำให้นักเลงรุ่นใหญ่กว่าหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับโฮมซึ่งๆ หน้าความฮึกเหิมทะนงตนในทางที่ผิดของโฮล์มจึงยิ่งเพิ่มพูนเป็นทวีคูณความสำนึกผิดชอบชั่วดีไม่เคยมาอยู่ในความคิด แต่ละวันได้แต่เที่ยวเตร่เฮฮาไม่ยอมทำงานทำการอะไร

 

วันหนึ่งมีหนุ่มๆ ชวนกันไปเที่ยวป่าล่าสัตว์โฮมก็ร่วมขบวนไปกับเขาด้วย ไปถึงกลางป่าโฮมเกิดมีเรื่องขัดใจกับหนุ่มหนึ่งในกลุ่ม เพียงแค่เกิดความโกรธขึ้นมาโฮมก็ยิงคนหนุ่มคนนั้นตายคาที่ คราวนี้เขาได้ทำความผิดอย่างอุกฉกรรจ์ และไม่มีทางพ้นผิดอาญาบ้านเมืองได้แน่เพราะมีพยานรู้เห็นเหตุการณ์หลายคน ดังนั้นโฮมจึงหนีเข้าป่าไปตั้งแต่นั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจึงนำกำลังมาจับกุม ทว่าไม่สามารถตามหาตัวได้เพราะโฮมเตลิดเข้าป่าไปไกลลิบแล้ว

 

ตอนแรกๆ โฮมยังชีพด้วยการลักเล็กขโมยน้อยกระทั่งเคยชินต่อการกระทำชั่ว จนกระทั่งมีสมัครพรรคพวกที่ประพฤติชั่วด้วยกันมาขออยู่ด้วยหลายคน คราวนี้โฮมกับพวกเปิดฉากปล้นทันที และนั่นคือการถลำเข้าสู่วิถีทางโจรอย่างเต็มเนื้อตัว โฮมกลายเป็นเสือโโฮมที่โหดเหี้ยมเมื่อเข้าปล้นฆ่าและเจ้าทรัพย์ตายไปหลายราย ทำให้ตำรวจเริ่มตามไล่ล่าสืบหาตัวอย่างจริงจัง แต่การจะสยบเสือปล้นรายนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเสือโฮมชำนาญภูมิประเทศที่เป็นป่าเขาเหนือกว่า โดยเฉพาะเข้าปล้นที่ใด กว่าตำรวจจะยกกำลังมาถึงสถานที่เกิดเหตุเสือโฮมก็หนีหายไปไกลลิบแล้ว เพราะสมัยนั้นยังไม่มีการสื่อสารที่ทันสมัย ในการไปแจ้งความต้องเดินข้ามทุ่งข้ามนากันเป็นวันๆ และตำรวจเองก็ไม่มีพาหนะที่รวดเร็วฉับไวซึ่งจะตามไล่ล่าคนร้ายได้ทันท่วงที ยิ่งไปกว่านั้น บางท้องที่ไม่มีถนน ไม่มีเส้นทางรถยนต์ พื้นที่เป็นทุ่งนาป่าเขาจึงอำนวยประโยชน์ให้คนร้ายหลบหนีได้สะดวก ยากแก่การติดตาม

 

การสืบหาเบาะแสที่หลบซ่อนของเสือโฮมเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะชาวบ้านหวาดกลัวเสียโฮมอย่างจับจิต เพราะใครก็ตามที่ให้ความร่วมมืออาจเป็นสายให้ตำรวจหากเสือโฮมรู้จะถูกฆ่าทิ้งทันที นับตั้งแต่โฮมกลายเป็นเสือปล้นโจรร้าย เขาฆ่าเจ้าทรัพย์และชาวบ้านที่สงสัยว่าจะเป็นสายให้ตำรวจไปถึง 11 ศพ

 

เมื่อตำรวจทุ่มเทกำลังออกไล่ล่าเสือโฮมอย่างเอาเป็นเอาตาย และบีบวงล้อมใกล้เข้าตัวไล่ตัวเข้ามาเรื่อยๆ เสือร้ายจึงย้อนรอยหลบหนีไปยังบ้านเก่าถิ่นเกิดอย่างเงียบๆ การกลับถิ่นเดิมของเสือโฮมไม่ผิดกับการมาของพระกาฬ ชาวบ้านแหลมไผ่ต่างหวาดผวากลัวเสือโฮมกันทุกหลังคาเรือน ไม่มีใครกล้าไปแจ้งแก่ตำรวจว่าขณะนี้เสือโฮมมาหลบซ่อนอยู่ในหมู่บ้านแล้ว แต่ท่ามกลางผู้คนซึ่งหวาดกลัวเสือโฮมก็ยังมีคนกล้าที่คิดจะเอาชีวิตเสือร้ายผู้นี้ ดังนั้นจึงมีคนแอบวางยาพิษให้เขากิน

 

แต่เสือโคร่งชะตายังไม่ถึงฆาตเพราะพิษร้ายไม่สามารถปลิดชีวิตของเขาได้ เพียงแต่ล้มป่วยนอนซมอยู่กับที่ จังหวะที่เสือร้ายสิ้นฤทธิ์ ตำรวจก็สืบทราบมาว่าเสือโฮมหลบซ่อนอยู่ที่บ้านแหลมไผ่ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวมกำลังยกมาที่บ้านแหลมไผ่และล้อมบ้านของเสือโฮมไว้ แต่โฮมไม่ยอมวางอาวุธหากคิดสู้ตายสถานเดียว และเขาก็เชื่อว่าต้องตายแน่ๆ การยิงต่อสู้จึงเกิดขึ้น ในการต่อสู้ครั้งนี้ตำรวจต้องพลีชีพไป 1 นาย ส่วนโฮมก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงสลบหมดสติคาปืน

 

เสือโฮมถูกจับตัวได้และถูกนำมาคุมขังอยู่เรือนจำจังหวัดปราจีนบุรีพร้อมกับได้รับการรักษาตัวไปด้วย เมื่อหายป่วยแล้วก็ถูกดำเนินคดีมากมายหลายคดี เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปสอบสวนในหลายท้องที่หลายจังหวัดตามพื้นที่ซึ่งเขาก่อคดีเอาไว้

 

ศาลปราจีนบุรีได้ตัดสินในคดีหนึ่งให้ลงโทษจำคุก 30 ปี แต่ก็ยังมีคดีอื่นๆ ทยอยกันฟ้องต่อมา หลายคดีโจทก์เกิดความกลัวเกรงถึงกับขอถอนฟ้อง บางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจหาพยานหลักฐานไม่ได้จำเป็นต้องสั่งถอนฟ้อง แต่ยังมีคดีที่มีหลักฐานแน่นหนาอื่นๆ อีกหลายคดี หนึ่งในคดีนั้น ศาลจังหวัดปราจีนบุรีพิพากษาให้ประหารชีวิต เสือโฮมจึงถูกส่งตัวไปจองจำรอการประหารชีวิตที่เรือนจำกลางบางขวาง แต่ยังไม่ทำการประหารชีวิตเนื่องจากยังมีคดีหนึ่งซึ่งยังพิจารณาความอยู่

 

แต่ชีวิตของเสือโฮมยังไม่ถึงวาระสุดท้าย เพราะในปีนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง พระปิยะมหาราชเจ้า รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ลดโทษผู้ต้องพระราชอาญาในเรือนจำต่างๆ คือ โทษประหารชีวิตให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต โทษจำคุกตลอดชีวิตให้เหลือจำคุก 20 ปี โทษนอกนั้นก็ลดโทษลดหลั่นกันออกไป จึงเป็นอันว่าเสือโฮมรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ได้รับการลดโทษจากการประหารชีวิตเพียงจำคุกตลอดชีวิต

 

เมื่อได้รับการย้ายที่คุมขังจากแดนประหารมาอยู่รวมกับนักโทษทั่วไป ทางเรือนจำก็จ่ายงานให้ทำเช่นเดียวกับนักโทษคนอื่นๆ แต่เสือโฮมกลับขัดขืนไม่ยอมทำงานตามสันดานดื้อรั้นและทะนงตนไม่ยอมลงหัวให้ใคร ทั้งยังก่อเรื่องไม่สงบหลายครั้งจนต้องถูกตีตรวนขนาดใหญ่ที่สุด และถูกฟ้องเพิ่มโทษมากขึ้นด้วยเรื่อยๆ รวมทั้งโทษเก่าและใหม่ถึง 184 ปี กับจำคุกตลอดชีวิต นั่นก็หมายถึงว่าเสือโฮมคงต้องแก่ตายในคุกไม่มีโอกาสออกมาได้รับกลิ่นอายของอิสรภาพอย่างแน่นอน

 

ระหว่างที่อยู่ในคุกมหันต์โทษบางขวาง เสือโฮมได้สร้างศัตรูกับนักโทษตัวร้ายๆ ด้วยกันเอาไว้ไม่น้อย แต่เขาไม่เคยกลัวใครและไม่ยอมก้มหัวให้ใครทั้งสิ้น กระทั่งไปมีเรื่องกับเพื่อนนักโทษใจเด็ดคนหนึ่ง และเสือโฮมได้แทงเพื่อนนักโทษคนนั้นตาย แต่คดีนี้ไม่ได้รับการเพิ่มโทษ เนื่องจากมีพยาน ซึ่งเป็นเพื่อนนักโทษกำลังพ้นโทษคนหนึ่งเป็นพยานให้ โดยให้การว่าผู้ตายใช้เหล็กแหลมไล่แทงเสือโฮมก่อน เสือโฮมวิ่งหนีไปจนมุมจึงได้หันมาแย่งเหล็กแหลมแล้วแทงสวนจนตายคามือ

 

ไม่นานต่อมาเสียโฮมก็ถูกส่งตัวไปแก้คดีที่จังหวัดนครราชสีมา ถูกฝากขังควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำจังหวัดนครราชสีมาอย่างเข้มแข็ง ภายในคุกนั้นเสือโฮมได้เกลี้ยกล่อมนักโทษที่ได้รับโทษหนักจำนวน 18 คน ร่วมกันวางแผนแหกคุก ซึ่งพวกนักโทษเดนตายดังกล่าวก็ยินดีร่วมมือด้วย เย็นวันหนึ่ง ก่อนจะถึงเวลาขึ้นห้องขังเสือโฮมก็พานักโทษ 18 คน เข้ายึดเรือนบัญชาการ ในเรือนจำจังหวัดนครราชสีมาอย่างอุกอาจ แทงพัศดีได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วจับมัดไว้ ยึดอาวุธปืนยาว 16 กระบอก และปืนสั้นอีก 1 กระบอก แจกจ่ายให้แก่ทุกคน แล้วบังคับให้ผู้คุมเข้าไปในห้องขังแทน จากนั้นก็ถอดโซ่ตรวนออกให้หมด

 

คนใจเหี้ยมที่ร้ายกาจเช่นเสือโฮมเมื่อมีอาวุธร้ายอยู่ในมือก็หมดสิ้นความกลัวเกรงต่อสิ่งใดทั้งสิ้น เขานำพรรคพวกออกจากเรือนจำทันที ยามบนป้อมยามเห็นนักโทษหนีจึงยิงสกัดลงมา แต่ก็ถูกยิงสวนแทบโงหัวไม่ขึ้นจำต้องปล่อยให้นักโทษแหกคุกไปได้หมดทุกคน

 

เสือโฮมพาพรรคพวกหลบเข้าป่า แทนที่จะหนีเตลิดไปอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช เขากับพวกนักโทษกลับแอบซุ่มอยู่อย่างเงียบๆ พร้อมกันนั้นโฮมก็วางแผนบุกเข้ายึดโรงพักที่อยู่ใกล้ๆ กับเรือนจำ เพื่อต้องการอาวุธเอามาแจกจ่ายให้ครบทุกคนก่อนจะหนีคดีต่อไป เมื่อข่าวนักโทษแหกคุกกระจายออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยกกำลังส่วนใหญ่ออกไล่ล่าโดยคาดเดาว่าเสื่อโฮมกับพรรคพวกของเตลิดหนีไปแล้ว ตำรวจทราบเบาะแสจากชาวบ้านที่เห็นกลุ่มนักโทษหนีไปทางใดก็รีบไปทางนั้น ด้วยคาดไม่ถึงว่าเสือโฮมและพรรคพวกจะย้อนรอยแอบซุ่มอยู่ในป่าไม่ไกลจากเขตเมืองเท่าไรนัก

 

เช้ามืดของวันนั้น เสือโฮมกับนักโทษก็เข้ายึดโรงพักซึ่งมีเวรยามรักษาการณ์อยู่ไม่กี่คน มีตำรวจคนหนึ่งพยายามขัดขวางจึงถูกโฮมยิงตายคาที่ แล้วคนร้ายก็ยึดเอาปืนและกระสุนไปหมด รวมทั้งของมีค่าเท่าที่จะหยิบฉวยได้จากนั้นก็หลบหนีขึ้นเขาใหญ่ซึ่งโฮมชำนาญภูมิประเทศอยู่แล้ว โดยมีนักโทษเดนตายที่แหกคุกมาด้วยกันยอมเป็นลูกน้องบริวารหมดทุกคน เพราะแต่ละคนหมดทางไปเนื่องจากมีความผิดอุกฉกรรจ์ติดตัว โฮมเริ่มต้นออกปล้นอีกครั้ง โดยไม่หวั่นเกรงว่าขณะนั้นทางการได้มีบัญชาให้จับตายสถานเดียว เขาก็เหมือนเสือร้ายที่ถูกคุมขังไร้อิสรภาพมานาน เมื่อหลุดรอดออกมาได้ก็ถึงกับตั้งปณิธานไว้ว่าจะขอสู้ตาย ไม่ยอมหวนกลับไปสู่วงล้อมของกำแพงกรงขังอีก

 

ถิ่นที่หลบซ่อนอาศัยของโฮมก็คืออาณาเขตป่าบนเขาใหญ่ซึ่งก็ยากแก่การจับไล่ล่าจับกุม เมื่อโฮมทราบข่าวว่าตำรวจหน่วยตะเวนมาตั้งจุดสกัดที่เชิงเขาใหญ่ ความโกรธบวกกับความฮึกเหิมที่มีบริวารมากทำให้เสือโฮมคิดจะถล่มหน่วยตระเวนของตำรวจ จึงได้นำกระสุนสมุนบริวารลงมาจากเขาแล้วเข้าโจมตีตำรวจทันที แทนที่ตำรวจจะแตกพ่าย เสือโฮมและบริวารกลับถูกล้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งกำลังมาเสริมอย่างรวดเร็วและยิงกระหน่ำกระทั่งฝ่ายโจรต่างมีเอาตัวรอดสุดชีวิต หลายคนถูกยิงตาย ที่หนีรอดไปได้ก็กระเซอะกระเซิงเข้าป่าเข้าเขาคนละทิศละทาง

 

ส่วนเสือโฮมถูกยิงบาดเจ็บซึ่งสติสลบคาที่ และหมดอิสรภาพอีกครั้ง โฮมถูกนำตัวมาจองจำที่เรือนจำนครราชสีมา ได้รับการรักษาพยาบาลเป็นเวลานานกระทั่งหายจากอาการบาดเจ็บ และถูกดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดนครราชสีมา ศาลได้ตัดสินจำคุกเพิ่มโทษอีก 5 ปี 6 เดือน จากนั้นก็ถูกส่งตัวกลับมารับโทษติดคุกมหันต์โทษบางขวางที่เดิม คราวนี้โฮมรู้สึกหมดอาลัยตายอยากในชีวิต คิดว่าคงจะตายในคุกอย่างแน่นอน

 

ต่อมา พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม และท่านเจ้าคุณพระอุดมวิชาญาณเถระ ได้เปิดการอบรมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานขึ้นที่เรือนจำบางขวาง มีนักโทษสนใจปฏิบัติกรรมฐานกันมาก และได้รับความสงบทางจิตใจอย่างเห็นผล ตอนแรกๆ เสือโฮมไม่เชื่อถือ ไม่สนใจต่อคำเทศนาอบรมธรรมของพระคุณเจ้าทั้งสองเอาเสียเลย บางครั้งท่านบรรยายธรรมนานๆ เสือโฮมจะก่อกวนเอาดื้อๆ เช่น เอามือตบพื้นกระดานปึงปังเพื่อให้เกิดเสียงดังรบกวน และแสดงกิริยารำคาญอย่างไร้มารยาท

 

แต่โฮมได้สังเกตเห็นนักโทษที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จึงได้ลองปฏิบัติดูบ้าง การที่โฮมเป็นคนใจเด็ดเดี่ยวทำอะไรทำจริง มีพื้นฐานทางด้านมิจฉาสมาธิคือเชื่อมั่นในเรื่องไสยศาสตร์ประเภทเครื่องรางของขลังและคงกระพันชาตรี การฝึกจิตให้เป็นสัมมาสมาธิจึงบังเกิดผลอย่างรวดเร็ว

 

จากคนที่เรียกได้ว่าไม่เคารพนับถือศาสนา ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษและเวรกรรมใดๆ โฮมได้พบแสงสว่างของชีวิตจากการปฏิบัติธรรมแล้ว คราวนี้เมื่อพระเดชพระคุณพระเถระทั้งสองเข้ามาแสดงธรรมในเรือนจำกลางบางขวาง เสือโฮมจะตั้งอกตั้งใจรับฟังด้วยความสงบ กิริยาแข็งกระด้างป่าเถื่อนสูญหายไปหมด มีความนอบน้อมถ่อมตนผิดไปเป็นคนละคนจากนักโทษที่ควบคุมยาก เป็นบุคคลอันตรายได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

เสือโฮมมุ่งหน้าปฏิบัติธรรมกรรมฐานอย่างมุ่งมั่นจริงจัง ถึงกับต้องมีปณิธานเอาไว้ว่าหากพ้นโทษเมื่อใดจะขอบวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และด้วยด้วยเดชะบารมีของวิปัสสนากรรมฐานประกอบกับโทษที่เหลืออยู่ลดน้อยลงทุกปี เมื่อรัฐบาลทำการฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เสือโฮมก็ได้รับอภัยโทษเป็นอิสระ โฮมได้เดินทางไปนมัสการกราบลาพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์ทั้งสอง และกราบเรียนท่านว่าเมื่อกลับไปถึงบ้านแล้วจะขออุปสมบทเป็นพระภิกษุ จะไม่ขอสึกชั่วชีวิต

 

อดีตเสือโฮมกลับถึงบ้านแหลมไผ่ถิ่นเกิด ชาวบ้านญาติพี่น้องยังเกลียดกลัวเขากันทั่วหน้า แต่เมื่อทราบว่าโฮมตั้งใจกลับมาบวชในพระพุทธศาสนาต่างพากันปีติยินดีร่วมอนุโมทนาสาธุด้วย อดีตเสือโฮมได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์สมความตั้งใจที่วัดบ้านเกิด และท่านอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์ตลอดชีวิต

 

นี่คือชีวิตของคนที่ก่อบาปสร้างเวรให้แก่ตัวเองมาอย่างหนักหนาสาหัส แต่ยังนับเป็นวาสนาที่บั้นปลายแห่งชีวิตได้พบกับแสงสว่างแห่งธรรมด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน พาตัวให้พ้นจากวังวนแห่งอกุศลกรรมได้อย่างเด็ดขาด

 

ที่มาและการอ้างอิง

วาระสุดท้ายของกรรมชั่ว – นที  ลานโพธิ์ เรียบเรียง