วันเสาร์, 20 เมษายน 2567

กรรมหนัก คนขี้อิจฉาจนโดนสาปแช่ง

บนวิถีแห่งโลกที่แก่งแย่งแข่งขัน เด็ก ตัวสูงยังไม่พ้นยอดหญ้า ก็ยังต้องมาของแก่งแย่งชิงดีเพื่อให้เข้าโรงเรียนดีๆ ดังๆ เด็ดๆ ให้ได้ หากลูกสอบเข้าไม่ได้ พ่อแม่ก็แทบจะล้มลงไปทักทายกับพื้น ทั้งๆ ที่เป็นแค่โรงเรียนอนุบาล มันเป็นการปลูกฝังบางอย่างลงบนจิตใจของเด็กน้อยร่างเล็กๆ แบบบางที่ควรจะเป็นผ้าสีสดใส กลับกลายเป็นผ้าที่มีตำหนิ เป็นจุดด่างดำ ผ้าที่กลายเป็นความร้ายกาจของสังคมภายใต้ความสวยงาม

 

 

สายป่าน คือ ชื่อของหญิงสาวร่างบาง มีนัยน์ตากลมโต ท่าทางเอาเรื่องและไม่ยอมใคร เธอเป็นลูกสาวของท่านทูตสหรัฐที่มาประจำอยู่ประเทศไทย ท่านได้สมรสกับคุณเบญจมาศ และได้ให้กำเนิดลูกสาวคนเดียวคือ “สายป่าน” เธอสวยน่ารักตามแบบฉบับลูกครึ่ง ใครเห็นก็อดไม่ได้ที่จะต้องหันกลับมามองอีกครั้ง

 

สาวน้อยนามว่าสายป่าน นอกจากจะมีใบหน้าสวยงามเป็นอาวุธแล้ว เธอยังมีน้ำเสียงไพเราะสดใส และพูดจาฉอเลาะนั้นยิ่งทำให้ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายหลงรัก อยากแย่งกันอุ้มโอ๋เลี้ยงดูเอาใจใส่ ทั้งฝ่ายย่าที่สหรัฐมักจะนำของเล่นแปลกๆ มาให้เช่นกัน กับฝั่งตายายที่ไม่ว่าหลานรักอยากได้อะไรก็หามาประเคนให้ทุกอย่าง จนทำให้สาวน้อยน่ารักเติบโตขึ้นมาเป็นคนเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ใครขัดใจเธอก็จะฟ้องคุณตาคุณยายและคุณแม่จัดการเสียทุกครั้ง จนคนใช้ในบ้านพากันขยาด ลงว่าคุณหนูสายป่านอยากได้อะไร ก็ต้องวิ่งหาวิ่งทำให้แบบถวายหัวถ้ายังไม่อยากตกงาน

 

สายป่านมีสาวใช้คนสนิทอยู่คนหนึ่งชื่อว่านิ่ม นิ่มเป็นเด็กสาวผิวคล้ำหน้าตาบ้านๆ แต่เก่งเป็นที่หนึ่งเรื่องประจบเอาใจนายสาว ไม่ว่าสายป่านชอบอะไรเกลียดอะไรบอกเพียงครั้งเดียวนิ่มก็จะจำเอาไว้อย่างแม่นยำและไม่ยอมให้มีเรื่องผิดพลาดเป็นอันขาด เพราะเหตุนี้นิ่มจึงเป็นสาวใช้คนเดียวที่สายป่านรักและให้ความสนิทสนมด้วย เพราะว่านิ่มรู้ไปเสียหมด และไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งของเท่านั้นที่นิ่มรู้ใจและจดจำได้ เรื่องของบุคคลด้วยเช่นกัน นิ่มจำได้หมดว่านายหญิงอย่างสายป่านเกลียดใคร ชอบใครรักใครและหากมีโอกาสนิ่มมักจะจัดการเรื่องต่างๆ ที่สายป่านพอใจอยู่เสมอแม้ว่าเรื่องนั้นมันจะผิดแต่ถ้าเพื่อให้สายป่านพอใจ นิ่มก็จะทำ

 

เรื่องที่ทั้งนิ่มและสายป่านต่างก็คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยที่บางครั้งทั้งสองคนทำไปเพื่อความสนุกสะใจนั้น ทุกวันนี้บางทีเรื่องบางอย่างมันก็ไม่ได้เล็กน้อยอย่างที่ทั้งสองคนคิดเลย อย่างเช่นเรื่องของแก้ว

 

แก้วเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักมองดูคล้ายตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่บอบบางและดูจะแตกหักง่าย แต่ไม่ว่าจะท่าทางภายนอกของแก้วจะบอกว่าอย่างไรก็ตามแต่ แก้วก็เป็นคนขยันขันแข็งรักการเรียนรู้และรักอนาคตของตนเองมาก แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีแม่อยู่ด้วยกันแล้วในปัจจุบันแต่แก้วก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีตามที่แม่เคยสอนไว้ ว่าค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ว่าทำงานได้เงินเท่าไหร่ในแต่ละวัน แต่ค่าของคนอยู่ที่ว่าเราทำความดีได้มากเท่าไหร่ในแต่ละวันต่างหาก เธอเชื่อและทำตามอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ ไม่ว่าจะลำบากสักแค่ไหนเธอไม่เคยคิดอยากได้ของของคนอื่นเลย แม้ว่าเวลาเรียนมหาวิทยาลัยจะต้องใช้เงินเยอะแยะมากมายขนาดไหนแต่หญิงสาวก็ไม่ย่อท้อ เธอใช้เวลาช่วงที่ว่างทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ และช่วงปิดเทอมใหญ่นี้ หญิงสาวก็มีโอกาสที่จะตามพ่อของเธอที่ทำงานเป็นคนขับรถของท่านทูตเข้าไปทำงาน โดยท่านได้ให้เธอทำงานกับลูกสาวของท่านชื่อคุณหนูสายป่าน

 

ครั้งแรกที่สายป่านเห็นเด็กสาวที่คุณพ่อส่งมา คำเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวเลยคือไม่ชอบ เธอไม่ชอบคนจน ที่ดูน่ารักและสวยจนใครๆ ก็ชมอย่างแก้ว จะหาว่าใจแคบก็ได้แต่แก้วทำให้คนอย่างสายป่านหมั่นไส้จริงๆ

“อีเด็กบ้านนอกนั่นมันขัดตาฉันจริงๆ” สายป่านเปรยกับนิ่มอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นว่า คุณหญิงมาราตรีที่มาหาคุณเบญจมาศเลยชมแก้วต่อหน้าต่อตา

“คนของหนูสายป่านคนนี้น่ารักดีจริงๆ หน้าตาน่ารัก กิริยาสุภาพเห็นแล้วอดที่จะเอ็นดูไม่ได้” นางบอกเบาๆ อย่างชื่นชม แต่นั่นทำให้ความไม่พอใจของสายป่านประทุขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ นิ่มเองก็อิจฉาแก้วด้วยเช่นกัน จึงช่วยเสริมช่วยยุอย่างหมั่นไส้

“นิ่มว่าอีกหน่อยพอมันเรียนจบ มันจะต้องหยิ่งผยองชูคอไม่เห็นหัวคุณหนูแน่ๆ ค่ะ” เสียงของคนใช้คนสนิทดังขึ้นและตรงใจพอดิบพอดี หญิงสาวที่สวยงามทั้งรูปกายและชาติตระกูลเบะปากอย่างรังเกียจชิงชัง

“กะอีแค่ลูกคนขับรถ ต่อให้มันเชิดหน้าชูคอไปจนตายมันก็ได้เป็นแค่ห่านเท่านั้นแหละ” หญิงสาวปรามาส หากแต่ว่านิ่มคิดไปได้ไกลกว่านั้น

“คนที่นิ่มเกลียดและคุณหนูสายป่านเกลียดต่อให้มันเป็นห่านมันก็ควรออกไปเป็นห่านให้ไกลๆ คฤหาสน์หงส์ ถ้าคุณหนูไม่ชอบมัน นิ่มจะขออนุญาตจัดการมันไปให้พ้นหูพ้นตาคุณหนูเองค่ะ” นิ่มบอกและยิ้มพอใจเมื่อเจ้านายสาวพยักหน้าเชิงอนุญาต

 

แก้วกำลังหยิบน้ำส้มคั้นที่นิ่มใช้ให้มาหยิบให้สายป่าน เด็กสาวไม่เคยย่อท้องานหนัก เธอคาดหวังเสมอว่าความดีที่เธอทำจะตอบแทนเธอในสักวัน แต่เธอไม่รู้หรอกว่ามันไม่ใช่วันนี้ หญิงสาวหยิบน้ำส้มไปเสิร์ฟให้สายป่านที่กำลังนั่งเอกเขนกอยู่ริมสระ

“ได้แล้วค่ะคุณหนู” หญิงสาวบอกอย่างนอบน้อมไม่พยายามทำอะไรผิดแผกจากคนที่นี่

“ขอบใจ” สายป่านบอกพลางหยิบน้ำส้มไปจิบ ทว่าจิบได้เพียงจิบหนึ่งหญิงสาวก็ถึงกับบ้วนทิ้ง

“กรี๊ดดด…นี่แกนังแก้ว แกแกล้งฉันหรือไง ทำไมน้ำส้มของฉันมันเค็มแบบนี้” สายป่านโวยวายใส่แก้วที่ยืนหน้าซีด

“แก้วไม่รู้ค่ะ แก้วไม่ได้ทำอะไรเลย” เสียงของแก้วเอ่ยบอกอย่างลนลาน นี่มันอะไรกันเธองงไปหมด

“แกไม่ทำแล้วใครทำ แม่ครัวหรือไง เขาทำงานที่นี่มาเป็น 10 ปีแล้ว เขารู้ว่าน้ำส้มของฉันไม่ต้องใส่เกลือ” สายป่านตะคอกกลับ แน่นอนไม่มีใครเลยในที่นั้นที่เชื่อคำพูดของแก้ว สายป่านพูดมามีเหตุผลทุกอย่าง ป้าไพ แม่ครัวของที่นี่รู้ดีว่าสายป่านชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ไม่มีทางที่จะทำในสิ่งที่สายป่านไม่ชอบเป็นอันขาด

“แต่แก้วไม่ได้ทำ” หญิงสาวยืนยันคำเดิมเธอสับสนไปหมด

“แกไม่ได้ทำแล้วใครจะทำนังแก้ว ก็มีแค่ป้าไพกับแกเท่านั้นแหละที่จับแก้วคุณหนูน่ะ” เสียงของนิ่มแปร๋นเข้ามา ทั้งๆ ที่จริงแล้วนิ่มนั่นแหละที่รู้ดีที่สุดเพราะเธอเป็นคนเอาเกลือไปใส่ในน้ำส้มของสายป่านเอง ใส่โดยการรู้เห็นเป็นใจของสายป่าน เพื่อทำให้แก้วอยู่ยากและง่ายต่อการกำจัดออก

“แกอิจฉาคุณหนูล่ะสิ เขาสวยกว่า เด่นกว่าแก แกเลยทำแบบนี้” นิ่มกล่าวหายิ่งทำให้แก้วยิ่งปฏิเสธ

“ไม่ใช่ ไม่จริง” หญิงสาวโวยวาย ไม่มีทางที่เธอจะทำแบบนี้ได้เป็นอันขาด เธอรู้ดี

“เอาล่ะไม่ว่าเธอจะทำเพราะอะไร นี่ถือว่าเป็นความผิดครั้งแรก ฉันจะไม่เอาความก็แล้วกัน อย่าทำผิดซ้ำอีกไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน” หญิงสาวนามว่าสายป่านบอกอย่างใจดี และทุกคนในบ้านก็คิดตามนั้น ยกเว้นแก้ว เธอจะชื่นชมอะไรกับการได้รับยกเว้นโทษจากความผิดที่เธอไม่ได้ก่อ

 

หลังจากวันนั้นทุกครั้งที่แก้วมาทำงานก็มักจะต้องได้รับความเจ็บใจกลับไปทุกครั้ง และเธอก็รับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าคนที่กลั่นแกล้งเธอมาตลอดนั้นคือนิ่มและหลายครั้งที่เธอก็รู้ว่าสายป่านรู้เห็นเป็นใจ แต่สิ่งที่แก้วพยายามทำนั้นก็คืออดทน อีกไม่นานก็จะหมดการปิดเทอมลงและแก้วจะกลับไปเรียน เธอจะได้ออกจากที่นี่โดยไม่เสียเครดิตของพ่อที่อุตส่าห์ฝากงานให้ แต่ทว่าความอดทนของแก้วก็อยู่ไม่ถึงวันนั้น

 

ทุกอย่างจบลงเมื่อวันนั้นมีแจกันสมัยราชวงศ์ฮั่นมาส่งท่านทูต ซึ่งแจกันใบนี้แพงระยับชนิดหาตัวจับยากและเป็นสิ่งที่ยิ่งสาวไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วยเลย แต่อะไรก็ไม่อยากที่ไม่อยากก็มักจะได้ยุ่งเสมอ เพราะคำสั่งจากสายป่านมีถึงเธอโดยตรง ให้เธอเป็นคนไปขนแจกันมาวางไว้ในห้องรับแขก ทำให้หญิงสาวไม่อาจจะปฏิเสธได้ ทว่า เธอนึกไม่ถึงสักนิดว่าสายป่านจะกล้าใช้แจกันใบหรูราคาเหยียบล้านใบนี้มากลั่นแกล้งเธอ กว่าที่แก้วจะรู้ตัวก็พบว่า เธอถูกนิ่มที่ดักรออยู่ผลักจนล้มกลิ้ง แจกันใบงามหล่นกระทบกับพื้นดังเพล้ง! ของเลอค่าราคาแพงกลายเป็นเศษแก้วเพียงชั่วพริบตา

“ตายแล้วแก้ว เธอทำอะไร” เสียงของคุณเบญจมาศร้องอย่างตกใจ

“แก้ว แก้ว” หญิงสาวยืนอึ้งอย่างทำอะไรไม่ถูก เธอไม่รู้จะพูดอย่างไรดีนอกจากความจริง

“นิ่มเขามาชนค่ะ แจกันเลยร่วง” เธอพูดความจริงทุกคำ หากแต่นิ่มปฏิเสธ

“ไม่จริงค่ะ นิ่มไม่ได้ทำ” นิ่มปฏิเสธทันควัน

“คุณสายป่านเห็น คุณสายป่านเป็นพยานได้” แก้วบอกอย่างมีความหวัง หากแต่ความหวังเลือนลางดั่งเทียนริบหรี่ถูกดับลงอย่างถาวร

“ไม่ค่ะ สายป่านไม่เห็น” เจ้านายสาวของเธอพูดหน้าตาเฉย และนั่นทำให้แก้วทรุดลงอย่างหมดหวัง มาทำงานหวังจะหาเงินช่วยส่งเสียตนเองเรียน หญิงสาวไม่คิดว่ามันจะมาจบลงที่หนี้ก้อนโตขนาดนี้

“เธอต้องชดใช้ มาทำงานผ่อนหรืออะไรก็ได้ แต่เธอกับพ่อของเธอจะมาทำนิ่งเฉยไม่ได้” สายป่านสำทับความผิด และนั่นทำให้แก้วยืนขึ้นอย่างสิ้นความเกรงใจ

“ได้ ในเมื่อพวกคุณอยากให้ฉันชดใช้ในเรื่องที่ฉันไม่ได้ทำ ก็ได้ ฉันจะชดใช้หนี้ก้อนนี้เอง ฉันจะลาออกจากวิทยาลัยมาทำงานใช้หนี้ให้ แต่จำเอาไว้นะความผิดที่ฉันไม่ได้ทำ ฉันจะไม่ได้ชดใช้เพียงคนเดียวหรอก” หญิงสาวเอ่ยท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนในที่นั้น

“ใครที่มันเป็นคนลงมือกลั่นแกล้งฉัน ฉันจะขอให้มันแตกหักบุบสลายไม่ต่างอะไรกับแจกันใบนี้ภายใน 3 วัน 7 วัน” หญิงสาวชี้มือไปทางนิ่ม ทำเอานิ่มหน้าซีดแต่ก็ยังฝืนเชิด

“แล้วใครที่มันทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นความจริงในวันนี้ ก็ขอให้มันได้หูหนวกตาบอดสมใจในเร็ววันเช่นกัน” คราวนี้แก้วชี้มือไปที่สายป่าน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั้นโดยไม่กล่าวลาใครสักคน

“นังเด็กบ้า”  คุณเบญจมาศพูดขึ้น แน่นอนว่านางไม่เชื่อเลยสักนิดว่าลูกสาวของนางจะทำเรื่องผิดบาปเลวร้ายเช่นนั้น และแน่นอนว่าสายป่านกับนิ่มย่อมไม่มีทางยอมรับในที่เรื่องที่ไม่มีใครรู้เช่นนี้เป็นอันขาด ทว่าเรื่องที่เธอไม่ยอมรับไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครรู้ อย่างน้อยกงล้อแห่งเวรกรรมก็เริ่มที่จะทำงาน

 

แก้วลาออกจากมหาวิทยาลัยจริงๆ หญิงสาวทำงานอย่างหนักเพื่อมีจุดมุ่งหมายที่จะเอาเงินมาใช้หนี้ ทว่าคนบางคนเองก็ต้องใช้หนี้กรรมที่เงินตราไม่อาจซื้อได้ หนี้แห่งกรรม 

 

สามวันหลังจากเกิดเรื่องแจกันแตก นิ่มก็เดินตกบันไดลงมาจนขาหักอย่างที่ไม่คาดคิด

“โอ๊ย เจ็บค่ะคุณหนู” นิ่มนอนร้องครวญครางอยู่ในห้องพยาบาล เจ็บอย่างบอกไม่ถูก จนสายป่านรำคาญ

“ร้องอยู่ได้นะนิ่ม ทำไมจะตกมันลงบันไดไม่รอให้พ้น 7 วันไปก่อน ทำแบบนี้เหมือนที่นังแก้วแช่งเราไว้ไม่มีผิด” สายป่านโวยวาย

“คุณหนูเราห้ามได้เสียที่ไหนคะ” นิ่มอุทรณ์

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าคุณแม่สงสัยก็เป็นความผิดของแกนะนิ่ม” สายป่านว่า โดยที่ตัวเธอเองไม่รู้เลยสักนิดว่าตนเองก็มีชะตากรรมไม่ต่างไปจากนิ่มสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่กลับจากเยี่ยมนิ่ม หญิงสาวก็ไล่คนขับรถกลับอย่างอารมณ์เสีย เธอขับรถไปหาเพื่อนชายโดยไม่ได้บอกใครและพากันขับออกจากบ้านของฝ่ายชายเพื่อจะไปทานอาหารกัน ทว่า

“ระวัง”

เสียงแฟนหนุ่มของเธอร้องเตือน แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อรถบรรทุกที่เลี้ยวตัดหน้ารถของเธอ หญิงสาวหักหลบไปไม่พ้น รถเก๋งคันหรูชนเข้ากับท้ายรถบรรทุกเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และทุกอย่างก็ดับมืดไป สายป่านมารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของมารดา

“แม่ขา อย่าร้องลูกตื่นแล้ว แต่ทำไมมืดจัง ลูกมองอะไรไม่เห็นเลย” หญิงสาวว่าแล้วก็ต้องใจหาย เมื่อพบว่ามารดาของเธอนั้นร้องให้ดังกว่าเดิมเสียอีก

“โถ ลูกแม่” เสียงคุณเบญจมาศคร่ำครวญร้องไห้เสียจนผู้เป็นลูกต้องถามซ้ำ

“คุณแม่ร้องไห้ทำไมคะ แล้วปิดไฟทำไม” หญิงสาวสับสน จนกระทั่งเสียงใครคนหนึ่งบอกบอกกับเธอ

“ห้องนี้ไม่ได้ปิดไฟนะครับ คุณสายป่าน” เสียงของนายแพทย์ที่ทำการรักษาเธอบอก

“สมองคุณได้รับการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ ทำให้ดวงตาของคุณบอดลงครับ” คุณหมอย้ำอีก และนั่นทำให้หัวใจของสายป่านหล่นวูบ

“ตาบอด” หญิงสาวใจหาย ร้องให้ทันที ถ้อยคำสาปแช่งของแก้วดังขึ้นในสมอง

“ใครที่มันเป็นลงมือมือกลั่นแกล้งฉัน ฉันจะขอให้มันแตกหักบุบสลายไม่ต่างอะไรกับแจกันใบนี้ภายใน 3 วัน 7 วัน แล้วใครที่มันทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นความจริงในวันนี้ก็ขอให้มันได้หูหนวกตาบอดสมใจในเร็ววันเช่นกัน” เสียงของแก้วยังดังในความทรงจำ นี่นะหรือเวรกรรม สายป่านร่ำร้องในใจ

“คุณแม่ช่วยลูกด้วย ลูกไม่ได้ตั้งใจ” เธอร้องขอความช่วยเหลือจากมารดา ทว่า ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว เมื่อคนไม่ผิดต้องชดใช้ในสิ่งที่ไม่ได้ก่อ และมีหรือที่คนผิดจะรอดพ้นไปได้ ที่สุดสายป่านจึงยอมสารภาพความจริง และคุณเบญจมาศจึงยกเลิกหนี้สินทั้งหมดให้กับแก้ว และพาทั้งนิ่มและสายป่านมาขอโทษแก้ว

“ฉันยกโทษให้” แก้วบอก

ไม่นานนักอาการของนิ่มก็ดีขึ้น ในขณะที่ดวงตาของสายป่านก็เริ่มมองเห็นได้รางๆ และค่อยๆ ชัดขึ้น ตามลำดับจนกระทั่งปัจจุบัน แม้คนทั้งสองจะหายดีแล้ว แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เคยลบเลือนไปจากความทรงจํา เรื่องเล็กน้อยที่คิดว่าเพียงแกล้งกันนั้น ก่อเกิดกรรมแสนสาหัสที่ทั้งคู่ต้องชดใช้และจดจำไปจนวันตาย

 

ที่มาและการอ้างอิง

กฏแห่งกรรม เรื่อง กรรมเล็กที่ไม่น้อย โดย  นวนที