ปัจจุบัน ผมมีอายุ 40 ปี มีอาชีพรับราชการเป็นพัฒนากรอำเภอ แต่ต้องขออภัยด้วยที่ไม่สามารถบอกได้ว่าอยู่ที่อำเภอไหน ผมมีครอบครัวแล้วและมีลูก 3 คน ซึ่งตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่ในวัยเรียน คนโตเป็นหญิงเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 3 คนที่ 2 เป็นชายเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเหมือนกันแต่พึ่งเข้าไปได้ปีเดียว ส่วนคนเล็กเป็นหญิง ยังเรียนอยู่ในระดับมัธยม ก็คนนี้เองที่ทำให้ผมกับภรรยาต้องมานั่งทุกข์ทรมานใจอยู่ในวันนี้ ภรรยาผมก็รับราชการเหมือนกัน แต่เธอเป็นครู ผมเองก็เคยรับราชการเป็นครูมาก่อน ตอนที่ได้เจอกับภรรยาก็ยังรับราชการเป็นครูอยู่ ได้สอนอยู่ในโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอแห่งหนึ่ง รับสอนอยู่โรงเรียนเดียวกันตั้งแต่เริ่มบรรจุจนกระทั่งได้แต่งงานกัน
ขณะที่ผมเป็นครูอยู่นั้น ก็ทำท่าว่าจะไปได้ดี เพราะมีผลงานเด่นมาตลอด และที่สำคัญ สอนอยู่ในโรงเรียนที่พ่อตาผมเป็นอาจารย์ใหญ่ พ่อตาแกเป็นคนกว้างขวางในอำเภอนั้น และเป็นคนที่มีเส้นสายอยู่ในวงราชการมาก เพราะญาติพี่น้องของแกส่วนใหญ่จะรับราชการ และแกก็เป็นครูมาหลายปี สอนลูกศิษย์ไว้มากมายหลายรุ่น ลูกศิษย์ของแกเป็นใหญ่เป็นโตแล้วหลายคน ตอนนั้น น้องชายของแกคนหนึ่ง ซึ่งทราบว่าแกส่งเสียให้เรียนเอง ก็เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คือเป็นปลัดจังหวัด เรียกว่าพ่อตาผมจะมีเส้นสายอยู่มากทีเดียว แต่เพราะผมไปเผลอทำความผิดร้ายแรงเข้า อาชีพครูจึงได้ยุติลง แล้วผมก็ได้สมัครเข้ารับราชการใหม่ในตำแหน่งพัฒนากร
ผมเป็นครูอยู่ได้ 6 ปี และตลอดเวลา 6 ปีนั้น สอนอยู่โรงเรียนเดียว และสอนอยู่ในระดับเดียว คือ ระดับมัธยมปลาย ผมสอนวิชาพละ ตอนที่ผมได้ทำความผิดร้ายแรงครั้งนั้นขึ้น ภรรยาเพิ่งมีลูกได้ 2 คน คนโตมีอายุได้ขวบกว่าๆ ส่วนคนที่สองยังอยู่ในท้อง และใกล้จะคลอดอยู่เต็มทีแล้ว ตอนนั้น ทางโรงเรียนได้จัดเข้าค่ายนักกีฬา เพื่อฝึกซ้อมเตรียมจะแข่งกีฬาประจำจังหวัด ผมทำหน้าที่ควบคุมนักกีฬาซึ่งตอนนั้นมีนักเรียนที่เป็นนักกีฬาทั้งชายหญิงมาเข้าค่ายหลายคน ในจำนวนนั้นมีนักกีฬาหญิงอยู่คนหนึ่ง สมมุติว่าเธอชื่อ “แอน”
แอนเรียนอยู่ในชั้น ม. ๘ (ม.ศ.๕) และเป็นนักกีฬาโรงเรียนมาตั้งแต่อยู่ ม.๗ (ม.ศ.๔) เธอเพิ่งจะมาสอบเข้าโรงเรียนนั้นในชั้น ม.๗ จบ ม.๖ มาจากโรงเรียนอื่น แต่ก็อยู่ในเขตอำเภอนั้น นอกจากจะเก่งเรื่องกีฬาแล้ว แอนยังเป็นเด็กที่เรียนเก่งสอบได้คะแนนระดับต้นๆ ของชั้นเรื่อยมา เธอมีนิสัยร่าเริง แต่สุภาพเรียบร้อย ไม่เคยสร้างความเสื่อมเสียให้กับโรงเรียนและผู้ปกครอง ว่ากันด้วยหน้าตาแล้ว เธอก็เป็นเด็กสาวที่จัดได้ว่าสวยทีเดียว แอนนับถือผมกับภรรยามาก เพราะภรรยาผมก็เป็นครูคนหนึ่งของเธอ ภรรยาผมสอนเธอในวิชาภาษาอังกฤษ
ผมเองไม่เคยคิดชั่วร้ายกับลูกศิษย์ในทางชู้สาว แต่ตอนที่ภรรยาผมอุ้มท้องลูกคนที่สองอยู่นั้น ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไรทำให้เริ่มมองลูกศิษย์แล้วคิดอะไรที่มันชั่วร้าย คงจะเป็นเพราะว่าห่างภรรยามาเป็นหลายเดือน แต่ตอนนั้นผมก็คิดเท่านั้นไม่กล้าทำอะไร จนกระทั่งเมื่อมาถึงช่วงนักกีฬาเข้าค่ายนี้เอง คืนหนึ่ง ผมทำหน้าที่ควบคุมเวรที่ห้องพักนักกีฬา ซึ่งก็ใช้ห้องกิจกรรมที่โรงเรียนนั้นเอง คืนนั้นขณะที่เข้าเวรดึกก็นั่งคิดอะไรเพลินๆ แอนก็ออกมา ผมคิดว่าเธอหลับไปแล้ว เธอเดินออกมาจากห้องนอนแล้วเดินหายไปที่โรงอาหารซึ่งข้างหลังนั้นเป็นห้องน้ำ ห้องสุขา โดยที่เธอไม่เห็นผม ผมนั่งเฝ้ายาม ตบยุงอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนใต้ต้นหูกวางหน้าอาคารที่เธอนอนอยู่นั่นเอง ผมเห็นเธอเดินตรงไปที่นั่นก็ไม่เรียก แต่แอบตามไปปรากฏว่าเธอเดินเข้าห้องน้ำคงจะเกิดปวดท้องตอนดึก
ขณะที่แอนเข้าทำธุระห้องน้ำเสร็จ ผมเกิดความคิดชั่วร้ายอันไม่น่าจะให้อภัยขึ้นมา ผมยับยั้งใจอยู่นานแต่ก็สู้ความเลวของตัวเองไม่ได้ จึงได้นั่งอัดบุหรี่อยู่ที่เก้าอี้ใกล้ๆ กับหน้าห้องสุขา นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเห็นแอนออกมา ผมจึงเรียกเธอ เธอเดินเข้ามาหา ก็พูดคุยกันเล็กน้อย ผมบอกเธอว่าถ้ายังไม่ง่วงมากให้นั่งคุยเป็นเพื่อนครูก่อน เธอนั่งคุย และคงจะไม่คิดอะไร เพราะเห็นเป็นครูที่เธอเคารพ
ผมแกล้งคุยถ่วงเวลาอยู่สักครู่ จิตใจเริ่มพ่ายแพ้ต่อความต้องการที่ชั่วร้าย จึงรวบรัดจัดการกับสิ่งที่ใจต้องการทั้งที ครั้งแรกแอนตกใจ ร้องขอความเมตตาว่า อย่าทำกับเธออย่างนั้น แต่ใจผมตอนนั้นมันเลวเกินที่จะฟังคําขอความเมตตาของใครได้ จึงได้ข่มขืนศิษย์ตัวเองอย่างโหดร้าย เสร็จแล้วแอนนั่งร้องไห้ ผมก็ปลอบใจเธอสารพัด และขอร้องกับเธอว่าอย่าได้บอกเรื่องนี้ให้ใครฟัง เธอก็ได้แต่ร้องไห้ แต่พอสักพักพอผมใช้ให้เข้านอน เธอก็กลับไปนอนแต่โดยดี
วันรุ่งขึ้น ผมสังเกตเห็นแอนเซื่องซึมไป ก็เข้าใจความรู้สึกของเธอแต่ก็ไม่แสดงอะไรออกมาให้ใครเห็นผิดสังเกต ฝึกซ้อมนักกีฬาซึ่งรวมทั้งแอนด้วยไปตามปกติ ตกคืนนั้นผมมาเข้าเวรเฝ้านักกีฬาอีก และเป็นเวรตอนดึกอีกครั้ง ผมก็นั่งที่เดิมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ในห้องพักนั้น มีแต่นักเรียนหญิงและมีครูผู้หญิงมานอนเป็นเพื่อนด้วยคนหนึ่ง นักเรียนชายก็นอนอยู่ที่ห้องข้างๆ คืนนั้น หลังเที่ยงคืนแล้วผมก็เห็นแอนเดินออกมาจากห้อง ครั้งแรกผมคิดว่าเธอจะมาเข้าห้องน้ำอีก แต่เปล่าเลย เธอคงจะนอนไม่หลับ เดินออกมาแล้วก็ไปนั่งอยู่ในที่มืด ผมเห็นอย่างนั้นก็เดินตามเข้าไป เธอเห็นผมก็ยังนั่งเฉย ผมจึงนั่งคุยด้วย แล้วเหตุการณ์เหมือนเมื่อคืนก่อนก็เกิดขึ้นอีก แต่คราวนี้มันเป็นการสมยอมของทั้งสองฝ่าย
การแข่งขันกีฬากลางนั้นจบลง ผมกับแอนยังแอบติดต่อกันอยู่อีก เพราะเธอมาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนใกล้ๆ โรงเรียน ผมเองก็อยู่บ้านพักครูกับภรรยา ซึ่งอยู่ภายในบริเวณโรงเรียน แต่ตอนนั้น ภรรยาไม่อยู่ ไปพักที่บ้านพ่อตาผม กลางคืน ผมแอบไปหาแอนบ่อยๆ และแอนก็คงจะติดใจในตัวผม จึงยอมแอบเพื่อนออกมาหาอยู่บ่อยๆ ตอนนั้นเราสองคนไม่ได้คิดเรื่องศีลธรรม ไม่ได้แบ่งฐานะว่าเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กันเลย แอบพบกันบ่อยๆ จนกระทั่งภรรยาผมคลอดลูกเป็นผู้ชาย เธอกลับมาอยู่บ้าน ตอนนั้นจึงไม่ได้แอบไปพบแอนบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อนอีก แต่ก็ยังพยายามหาโอกาสไปพบได้บ้างนานๆ ครั้ง
จนในที่สุด ความเลวของผมก็ถูกเปิดเผยออกมา เมื่อแอนกลับไปอยู่บ้าน แม่เธอจับได้ว่าเธอมีท้อง พ่อและพี่ชายเธอโกรธมาก ถึงกับทำร้ายเธอจนเจ็บ ไม่สามารถมาเรียนหนังสือได้ พ่อกับพี่ชายถามแฟนว่า ท้องกับใคร ครั้งแรกแอนไม่ยอมบอกความจริง คงจะกลัวพ่อแม่มาเอาเรื่องกับผม แต่เมื่อถูกพี่ชายซ้อมมากๆ เข้า ขนาดนอนหยอดข้าวต้ม และขังห้องไว้ เธอจึงยอมเปิดเผยความจริง เมื่อความจริงนั้นถูกเปิดเผยออกมา ผมถูกสั่งให้พักงาน รอการสอบสวน ส่วนแอนถูกไล่ออกจากโรงเรียนหมดอนาคตตั้งแต่วันนั้น ส่วนเด็กในท้องก็แท้งไปในที่สุด ก็จะไม่ให้แท้งได้อย่างไร พี่ชายเล่นทำร้ายร่างกายเอาเกือบพิการ ตีเธอตัวเขียวช้ำไปทั้งตัว แขนขาหัก ต้องเข้าเฝือกอยู่นาน
ความผิดของผมนั้นร้ายแรงถึงกับถูกไล่ออก แต่รยาภรรยาผม เธอเป็นคนขอร้องพ่อตาซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ประจำโรงเรียนนั้นให้ช่วยเหลือ พ่อตาก็วิ่งเต้นโดยใช้อิทธิพลของอาที่เป็นปลัดจังหวัดมาล้มล้างการสอบสวน ทำเรื่องสอบสวนให้คลุมเครือ และให้ผมรีบยื่นใบลาออกเสียเอง พ่อตาว่านั่นเป็นทางออกเดียวที่ช่วยผมได้ เพราะถ้าผมยังขืนเป็นครูต่อไป พ่อแม่ของเด็กต้องไม่เลิกราแน่
ผมจึงยื่นใบลาออกจากครูแล้วย้ายออกจากอำเภอนั้น โดยไม่ได้ไปดูดำดูดีกับแอนอีกเลย เพราะภรรยาผมเธอขอร้องไว้ เธอไปติดต่อกับทางพ่อแม่ของแอน เสียเงินให้จำนวนหนึ่ง แล้วขอร้องไม่ให้เอาเรื่องกับผม บอกว่า เห็นแก่ลูกๆ ของเธอ แอนยังสาวยังมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ ผมเองก็ไม่ได้รักใคร่ห่วงใยอะไรแอน ที่ทำไปเพราะความหลงผิดชั่วครู่ชั่วยามมากกว่า
เพียงไม่นานเท่าไหร่ เรื่องของผมก็เงียบหายไป ผมจึงไปสมัครสอบเข้ารับราชการใหม่นั้นตำแหน่งพัฒนากร และก็ได้เป็นเรื่อยมาตราบจนปัจจุบันนี้ ส่วนแอนนั้นเลิกติดต่อกับเธอมาตั้งแต่ครั้งนั้น ก็สงสารเธออยู่เหมือนกันที่ต้องมาสิ้นอนาคตเพราะความชั่วร้ายของผม เพราะตั้งแต่นั้นมาเธอถูกไล่ออกจากโรงเรียนแล้วก็ไม่ได้เรียนต่อที่ไหนอีกเลย พ่อแม่เธอไม่ยอมให้เรียนอีก ปัจจุบัน ได้ข่าวว่าเธอแต่งงานมีครอบครัวแล้ว มีฐานะไม่สู้จะดีนัก เพราะทางฐานครอบครัวเธอก็ไม่ค่อยจะดี สามีของเธอเป็นคนขับรถสิบล้อ
ครั้งแรก ผมไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ผมได้ทำกับแอนไว้เป็นเวรกรรมอะไรหรอก เพราะหลังจากได้เข้ารับราชการใหม่ ผมก็ลืมเรื่องนั้นไม่คิดถึงไม่สนใจมันอีกเลย เพราะว่าหลังจากนั้น ผมเองก็ได้ทำสิ่งชั่วร้ายมากกว่านั้นอีกหลายครั้ง ถ้าจะกลัวบาป ก็กลัวจากการกระทำในครั้งหลังๆ มากกว่า แต่แล้วก็มีเหตุให้ต้องมาคำนึงถึงกรรมชั่วในครั้งนั้นจนได้
เมื่อลูกสาวคนเล็กของผม ซึ่งส่งให้ไปเรียนหนังสือในเมืองกับน้าของเขา น้องภรรยาผม ขณะที่เธอเรียนอยู่ระดับมัธยมปลาย เธอได้ไปสมัครเรียน ร.ด. ด้วย ซึ่งความจริงแล้วผมกับภรรยาเคยห้ามเธอไม่ให้ไปเรียน แต่เธอบอกว่าเพื่อนๆ เรียนกันหลายคน เธออยากจะมีประสบการณ์ในเรื่องระเบียบวินัยของทหารบ้าง ผมยอมให้ไปเรียน แต่แล้วเธอไปเรียนอยู่ได้ยังไม่ทันครบปี ทางโรงเรียนที่เธอเรียนอยู่ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดนั้นเรียกผู้ปกครองไปพบ น้องภรรยาผมในฐานะผู้ปกครองก็ไปพบ ทางอาจารย์ฝ่ายปกครองแจ้งให้ทราบว่า ลูกสาวของผมทำความผิดขั้นร้ายแรง คือ เธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายถึงขั้นมีท้อง ครูจับได้ในขณะที่เธอกับเพื่อนคบคิดกันจะไปหาที่ทำแท้ง เพื่อรักษาชื่อเสียงของโรงเรียนทางโรงเรียนจึงจำเป็นต้องเชิญเธอออก
น้องภรรยาแจ้งเรื่องเศร้านั้นมาให้ผมกับภรรยาทราบ ผมกับภรรยาจึงได้เดินทางไปพบ เมื่อเจอลูกสาว ผมถามเธอดีๆ ถึงเรื่องที่กำลังถูกกล่าวหา ลูกสาวคนนี้เป็นเด็กเรียบร้อยว่านอนสอนง่าย เป็นเด็กที่น่ารักที่สุดในบรรดาลูก 3 คนของผม แม่เธอกล่อมอยู่ค่อนวัน เธอจึงบอกความจริงว่า เธอท้องกับครูฝึก ร.ด. ซึ่งเธอเล่ารายละเอียดให้ฟังว่า เธอถูกครูฝึกคนนี้วางยานอนหลับ และพาไปทำมิดีมิร้ายที่บ้านพักในค่ายทหาร ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับบ้านของน้องภรรยาผมนั่นเอง หลังจากนั้น ครูฝึกคนนี้ก็ขมขู่เธอ แบล็คเมล์จนเธอยอมมันเรื่อยมา ครูฝึกคนนี้มีภรรยามีลูกแล้ว แต่ภรรยาและลูกเขาอยู่ต่างจังหวัด
ได้ทราบอย่างนั้น ผมแค้นครูฝึกคนนั้นมาก คิดว่าจะต้องฟ้องร้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จึงได้ไปฟ้องร้องกับผู้บังคับบัญชาของเขา ครูฝึกคนนั้นก็ถูกสอบสวน ขณะนี้ ผลการสอบสวนยังไม่จบสิ้น ภรรยาเขาเคยเดินทางมาพบน้องภรรยาผม แล้วขอร้องให้เลิกเอาความ และให้ช่วยล้มผลการสอบสวนให้ โดยเธอบอกว่า ให้เห็นแก่ลูกเล็กๆ ของเธอ ซึ่งหากพ่อของเขาถูกไล่ออกโดยที่ไม่ได้อะไรเลย และอาจจะติดคุกในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้เยาว์ เธอและลูกจะลำบากมาก น้องภรรยาตอบเลี่ยงๆ ว่า เรื่องนี้มาพูดกับเธอไม่ได้หรอก ให้ไปพูดกับพ่อแม่ของเด็ก คือ ผมกับภรรยาเอง
ภรรยาของครูฝึกไม่ยอมมาหาผม แต่เธอติดต่อข้าราชการผู้ใหญ่ในจังหวัดคนหนึ่งให้พาเธอไปพบพ่อตาผม ซึ่งตอนนี้ท่านเกษียณอายุมาหลายปีและกำลังเจ็บออดๆ แอดๆ ด้วยโรคเก๊าต์ เธอไปอ้อนวอนกับพ่อตาจนท่านใจอ่อน เรียกผมและภรรยาไปพบ บอกให้ยุติเรื่องนั้นเสีย ให้คิดเสียว่ามันเป็นกรรมของเด็ก ตอนนั้น ผมเองคิดว่าคิดแต่จะมุ่งร้ายต่อคนที่ทำกับลูกสาวผม จนลืมเรื่องที่ตัวเองเคยทำไว้เสียสนิท ไม่ได้คิดสะท้อนใจเลยแม้แต่น้อย คิดอาฆาตครูฝึกคนนั้นอย่างเดียว ผมเกรงใจพ่อตาจึงต้องยอมเลิกราในเรื่องนั้น ให้ลูกสาวโกหกว่าไม่เคยยุ่งกับครูฝึกคนนั้น เพียงแต่ใส่ร้ายเขา แต่เธอท้องกับเพื่อนชายคนอื่น
ลูกสาวผมให้การอย่างนั้นแล้วก็คงอายมาก เธอไม่กล้ากลับบ้านไม่กล้ากลับมาสู้หน้าพี่น้อง ผมจึงฝากให้อยู่กับน้าสาวต่อไป ระหว่างนั้นก็ช่วยกันคิดว่าคุณจะทำอย่างไรกับลูกในท้องของเธอดี ครั้งแรกผมอยากให้เธอเอาออก เพราะไม่อยากให้เธอต้องมาเสียอนาคตเพราะเด็กในท้อง เพราะถึงแม้ว่า เธอจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนรัฐบาล แต่เธอสามารถไปเรียนต่อในโรงเรียนเอกชนได้ แต่พ่อตาห้ามไว้ บอกว่าอย่าได้สร้างเวรสร้างกรรมกับเด็กอีกเลย ผมก็ได้แต่ว้าวุ่นใจตัดสินใจทำอะไรไม่ถูก ลูกสาวผมก็คิดมาก จนวันหนึ่งเธอหนีหายไปจากบ้านน้าสาว ผมเที่ยวตามหาเธอหลายแห่ง ญาติๆ ก็ช่วยกันตามหา เธอหายไปร่วม 2 เดือน ขณะนั้น ผมกับภรรยาไม่เป็นอันกินอันนอน แล้วจูๆ น้องภรรยาก็แจ้งมาว่า พบตัวลูกสาวแล้วให้ผมรีบไปรับกลับบ้าน ผมจึงได้รีบเดินทางเข้าเมืองอีกครั้ง
ผมพบลูกสาวในสภาพที่น่าเวทนาเต็มที่ หน้าตาเธอซูบซีด ไม่มีน้ำมีนวล ตาลอย เหมือนคนสติไม่สมประกอบ เธอสารภาพให้ฟังว่า ที่เธอหายไปนั้นเพราะแอบไปทำแท้ง โดยมีญาติของเพื่อนคนหนึ่งติดต่อให้ แต่ไม่ยอมบอกว่าไปทำมาจากไหน เธอยอมขายสร้อยคอทองคำและเลสทองคำที่แม่ซื้อไว้ให้แต่ง ไปเป็นค่าทำแท้ง การทำแท้งทำให้เธอเสียใจและเสียเลือดไปมาก ต้องหนีไปพักกับญาติของเพื่อนคนนั้น และคิดว่าเมื่อหายแล้วก็จะหนีไปที่อื่นต่อ จะไม่กลับมาบ้านอีก แต่เพื่อนเธอเห็นเราเป็นทุกข์เป็นร้อนในเรื่องที่เธอหายไป จึงแอบมาบอกความจริงกับน้องภรรยา จนน้องภรรยาตามไปขอร้องให้ลูกสาวผมกลับมา แล้วจึงแจ้งให้ผมรีบไปรับกัน
ตอนนี้ ผมรับลูกสาวกลับไปอยู่บ้าน สุขภาพเธอยังแย่เพราะเสียเลือดไปมาก คิดว่าเธอหายเป็นปกติแล้วจะส่งไปเรียนต่อที่อื่น และระหว่างนั้น ผมยังไม่หายแค้นคนที่ทำให้ลูกสาวผมเป็นอย่างนั้น ผมคิดถึงกับว่าจะจ้างมือปืนไปฆ่าเขาเสีย แต่เมื่อมาคิดได้ว่ามันเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม ทำให้ผมทำใจได้มากขึ้น คิดว่า จะปล่อยให้เรื่องผ่านเลยไป ผมให้อภัยชายชั่วคนนั้น ก็คงจะเหมือนๆ กับที่พ่อแม่ของแอนเคยอภัยให้กับผมนั่นแหละ
ที่มาและการอ้างอิง
กรรมอุทาหรณ์ ชุด 3 ผู้เขียน ฉลอง เจยาคม